‘เอกนิติ’ ยันไทยคุมเข้มแก๊งคอลเซ็นเตอร์-สแกมเมอร์ แจงลุยตั้งคณะทำงาน Connect the Dots ดึงแบงก์ชาติ-ก.ล.ต.-ปปง. ร่วมทีมตรวจสอบ ติดตามแหล่งที่มาของเงินทุนที่เข้าไทย

17 ต.ค. 2568 – นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.การคลัง เปิดเผยถึงกรณีที่สหรัฐฯ มีการยื่นฟ้องริบทรัพย์บิตคอยน์มูลค่า 15,000 ล้านเหรียญ จากผู้ก่อสร้างและประธานกลุ่มบริษัท Prince Holding Group (Prince Group) ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทธุรกิจข้ามชาติขนาดใหญ่ในกัมพูชา ในข้อหาคบคิดฉ้อโกงทางอิเล็กทรอนิกส์และคบคิดฟอกเงิน จากการสั่งการให้กลุ่มบริษัท Prince Group ดำเนินการศูนย์หลอกลวงโดยใช้แรงงานบังคับทั่วประเทศกัมพูชา ว่า ในส่วนของประเทศไทยนั้น เรื่องการติดตามแหล่งที่มา และสกัดการเคลื่อนย้ายทุนของแก๊งคอลเซ็ตเตอร์-สแกมเมอร์ อยู่ในขอบเขตการทำงานของคณะทำงาน Connect the Dots ที่นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง ได้ตั้งขึ้นมาอยู่แล้ว

ทั้งนี้ หน่วยงานที่ร่วมใน Connect the Dots นั้น ประกอบด้วย ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.), สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ซึ่งจะมีหน้าที่ในการติดตามและตรวจสอบเกี่ยวกับเงินทุนที่อาจจะเข้ามา รวมทั้งยังมีสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ที่จะเข้ามาช่วยเรื่องนี้ได้อย่างมาก เพราะแหล่งเงินที่จะเข้ามานั้น จะต้องมีการตรวจสอบเส้นทางการเงิน ซึ่งกฎหมายที่ ปปง. รับผิดชอบอยู่จะช่วยการดำเนินงานในส่วนนี้ได้เป็นอย่างมาก

“จริง ๆ ต้องบอกว่าเรื่องนี้อยู่ในส่วนการทำงานของคณะ Connect the Dots ซึ่งตอนนี้ได้ให้ปลัดกระทรวงการคลังตั้งทีมขึ้นมา และม่ีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาทำงานร่วมกัน เชื่อว่าทุกหน่วยงานที่เข้ามาร่วมกันจะเร่งทำงาน โดยเฉพาะการตรวจสอบและติดตามแหล่งที่มาของเงินทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ” รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.การคลัง ระบุ

สำหรับข้อสังเกตว่าไทยจำเป็นจะต้องมีการปรับหลักเกณฑ์เพื่ออุดช่องโหว่ในการสำแดงสินทรัพย์ (Declare) ในส่วนที่จะเข้ามาลงทุนภายในประเทศใหม่หรือไม่นั้น นายเอกนิติ ระบุว่า เรื่องนี้อาจจะต้องมาพิจารณากันต่อไป แต่ยืนยันว่าขณะนี้ได้มีคณะทำงานที่ถูกตั้งขึ้นมาเพื่อตรวจสอบเรื่องนี้อย่างเข้มข้นอยู่แล้ว

ส่วนประเด็นว่ามีธุรกิจไทยที่เชื่อมโยงกับแก๊งสแกมเมอร์-แก๊งคอลเซ็นเตอร์มากน้อยแค่ไหนนั้น ขอชี้แจงว่ากระทรวงการคลังยังไม่มีข้อมูลในส่วนนี้ เนื่องจากต้องยอมรับว่าคลังเป็นแค่ส่วนหนึ่งในคณะทำงานของ Connect the Dots ซึ่งแนวทางการทำงานหลัก ๆ เป็นหน้าที่ของ ปปง. มากกว่า

อย่างไรก็ดี เมื่อวันที่ 17 ต.ค. 2568 เวลา 11.40 น. นายเอกนิติ ได้เป็นประธานเปิดงาน gamescom asia x Thailand Game Show พร้อมทั้งกล่าวว่า รัฐบาลมีควาพยายามที่จะลงทุนโดยเฉพาะในด้านโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับอุตสาหกรรมใหม่ ๆ ซึ่งจะเป็นการต่อยอดการเติบโตในอนาคตของประเทศไทย โดยโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งของประเทศไทย คือ ทักษะด้านอารมณ์และสังคมที่เกี่ยวข้องกับวิธีที่บุคคลมีปฏิสัมพันธ์และทำงานร่วมกับผู้อื่น (Soft Skill) ที่เด็กไทยเก่งเรื่องนี้ไม่แพ้ชาติใดในโลก ดังนั้นจึงเห็นโอกาสในการพัฒนาและเชื่อมโยงเรื่องนี้ ที่นอกเหนือจากการพัฒนาทักษะผ่านการ Re-Skill

อย่างไรก็ดี ได้หารือเบื้องต้นกับสถาบันส่งเสริมการวิเคราะห์และบริหารข้อมูลขนาดใหญ่ภาครัฐ (Depa) ถึงแนวทางในการส่งเสริมความสามารถของเด็กไทย ผ่านการต่อยอดและเชื่อมโยงไปถึงวัฒนธรรมไทยผ่านโลกของเกมส์ เช่น หากสามารถดึงบริษัทผู้พัฒนาเกมส์ให้มีโอกาสมาที่เมืองไทย ก็เชื่อว่าจะทำให้คนทั่วโลกรู้จักประเทศไทยมากขึ้น เหมือนที่ไทยเองก็รู้จักประเทศต่าง ๆ ผ่านภาพยนตร์ เพราะวันนี้เป็นโลกยุคใหม่ที่ใช้ดิจิทัล และเด็กรุ่นใหม่ก็เกิดมากับเกมส์ ตรงนี้คิดว่าเป็นแนวความคิดที่ดีที่จะสามารถนำไปต่อยอดได้

“จะเอาเรื่องนี้ไปคุยกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าจะส่งเสริมเด็กไทยอย่างไร เพราะว่านอกจากการพัฒนาทักษะที่เป็นทักษะความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง (Hard Skill) เช่น AI แล้ว ในด้าน Soft Skill ซึ่งเป็นทักษะเรื่องความเป็นมนุษย์นั้น เด็กไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก เด็กไทยมีความเก่ง และรัฐบาลเองพร้อมและจะพยายามสนับสนุนในเรื่องนี้อย่างเต็มที่ โดยเบื้องต้นได้คุยกับ Depa และคิดว่าเรื่องนี้ส่งเสริมกันได้ ไม่ใช่แค่ทำให้เด็กไทยเก่งขึ้น แต่ยังเป็นการเชื่อมโยงวัฒนธรรมไทยให้เป็นที่รู้จักมากขึ้นผ่านเกมส์” นายเอกนิติ กล่าว