สัญญาณการเตรียมการเลือกตั้งใหม่ชัดเจน ตาม MOA ของพรรคส้ม และ พรรคน้ำเงิน ตามข้อตกลงเหล็กคือ “ยุบสภาภายใน 4 เดือน” สิ่งที่ประชาชนกลับมาเห็น สิ่งที่เลวร้าย และ น่าเบื่อ คือ

… การดูด ส.ส. ย้ายพรรค กันราวกับเป็นเทศกาล “ขายตัว” ไปตาม “ศูนย์การค้าธุรกิจการเมือง” ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่ รู้สึกโหวงเหวงว่า ถ้าพรรคการเมืองเน้น “ราคา” จะกลับมา คอรัปชั่น “โกงชาติ” เพื่อ “ถอนทุน” กันอีกเท่าไร ?

… การ “ใส่ร้าย ด้วยความเท็จ” จนนำไปสู่ “ความแตกแยก” และ “ความก้าวร้าว” หรือ อาจถึงขั้น “น้อยใจที่เกิดเป็นคนไทย” โกรธเกลียดสภาพประเทศไทยแบบ“เกินความเป็นจริง” 

ใช่… สังคมยังมีความเหลื่อมล้ำที่สามารถทำให้ยุติธรรมมากขึ้นได้ แต่การสร้างภาพว่า ทั้งระบบ “เลวร้าย” “กดทับประชาชน” เกินความเป็นจริง ก็ไม่สร้างสรรค์ และ จะทำให้แก้ปัญหาไม่ตรงจุด หรือ แก้จุดนี้ แต่จะทำให้มีปัญหาจุดนั้นเพิ่มขึ้นก็เป็นได้ และ การใช้วิธีสร้างความเกลียดชัง แบ่งแยก ปิดหู ปิดตา คนรุ่นใหม่ ทำให้ไม่เห็นประวัติการเมืองไทยที่ช่วยจะทำให้เข้าใจที่มาของรัฐธรรมนูญกันได้มากขึ้น จะได้แก้รัฐธรรมนูญตรงจุด ไม่เป็นเพียงการมุ่งแต่จะ “ลดเกราะป้องกันคนโกง” เท่านั้น

ไทยทนจึงอยากชวนกันคิดว่า เมื่อพิจารณาประวัติตามความจริงของ พรรค แดง-ส้ม-น้ำเงิน-ฟ้า แล้ว

… เราจะไว้ใจพรรคการเมืองสีใด ในเรื่อง “การต้านการโกงชาติ” ได้ ?

… การ “แก้ไขรัฐธรรมนูญ” สีไหน อยากจะแก้ประเด็นใด ? และ จะกระทบกับส่วนดีคือ “การปราบโกง” หรือไม่ ?

“ฟ้า” ยืนหยัด ต่อสู้ “เผด็จการ” และ “ต้านโกง” มาเป็นที่ประจักษ์ 79 ปี แม้มีหลายครั้งที่ต้องเสียสละ “เจ็บตัว”

… ฟ้า “ต่อต้านเผด็จการ หรือ รัฐประหาร เพื่อประโยชน์ส่วนตัว” มาทุกสมัย ตั้งแต่ยุคมืดประชาธิปไตย ไม่ว่าจะสมัย จอมพล ป. พิบูลสงคราม, จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์, จอมพล ถนอม กิตติขจร รวมถึง สมัย พลเอก สุจินดา คราประยูร

ในยุคลุงตู่ แม้ทุกพรรคจะได้ตรวจสอบ หาจุด “จับผิด” ก็พบแต่ “ข่าวเท็จ” ในเมื่อลุงตู่ ไม่ได้ยึดอำนาจเพื่อประโยชน์ส่วนตัว แต่ยึดอำนาจเพื่อต้านโกง เมื่อไม่มีการโกงของลุงตู่ ก็ย่อมไม่มีหลักฐานเอาผิดลุงตู่ได้ ถ้ามีรัฐประหารเพื่อประโยชน์ตัวเองจริง ไทยทนเชื่อว่า ประชาธิปัตย์ ก็จะต่อสู้แรง เหมือนที่ได้ต่อสู้กับรัฐบาลเผด็จการของผู้คุมอำนาจกองทัพอื่นตลอดมา

แต่แม้ลุงตู่ไม่มีความด่างพร้อยเรื่องประโยชน์ส่วนตัว แต่พรรคประชาธิปัตย์ก็ยังเรียกร้อง ให้กลับมาสู่ระบอบประชาธิปไตย คุณอภิสิทธิ์ จึงได้ประกาศจุดยืน “ไม่สนับสนุนรัฐบาลลุงตู่” ในการสืบทอดอำนาจรัฐประหาร“เพื่อปกป้องประชาธิปไตย” ซึ่งเป็น “การรักษาจุดยืนอย่างเสียสละ” เพราะ บรรดาคนที่เคยรัก ปชป. ก็เพราะ เป็นพรรคที่ “ต้านโกง” เป็นที่ประจักษ์ แต่ย้ายไปรักลุงตู่ เพราะ นักธุรกิจการเมืองโกงชาติวางตัวเหนือรัฐธรรมนูญ จึงต้องใช้อำนาจเกินระบอบประชาธิปไตยไปชั่วคราว “ชาวต้านโกง” ก็จึงเทใจไปเลือกลุงตู่ แต่บัดนี้ จอมโกงที่ ปชป. สู้มากว่า 20 ปีต้องรับโทษแล้ว ลุงตู่ออกจากระบบการเลือกตั้งแล้ว “ชาวต้านโกง” ก็มีโอกาสจะกลับมาหา ปชป. ที่พึ่ง “ต้านโกง” พร้อมยึดมั่น “ระบอบเสรีประชาธิปไตย” กันอีกครั้ง

… ฟ้า “ปกป้องประชาธิปไตย ไม่ให้นักการเมืองใช้ โกงชาติ” เสมอมา ด้วยความ “เชื่อมั่นในระบบรัฐสภา”ตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข 

เพื่อปกป้องประชาธิปไตยให้สะอาด วางใจได้ ไร้รัฐประหาร ประชาธิปัตย์จึงใช้ “ระบบรัฐสภา” สู้ “บุฟเฟ่ห์คาบิเนต-กินได้ไม่อั้น” “รัฐบาล 7-11 กินได้ 24 ชั่วโมงทั่วไทย” จนมาถึง มหากาพย์ “ระบบทักษิณ” อ้างประชาธิปไตยบังหน้า “โกงชาติ”

นายกอภิสิทธิ์ นำทีมอภิปราย “ต้านโกง” มาอย่างรัดกุม เป็นมืออาชีพ เน้นที่หลักฐาน และ หลักการจนการทุจริตเป็นที่ประจักษ์ คุณกรณ์ แสดงหลักฐานให้เข้าใจว่า “ปลอมหนี้ แม่-ลูก” อย่างไร ซุกหุ้นผ่าน ลูกพานทองแท้-ลูกพินทองธา และ น้องยิ่งลักษณ์ อย่างไร ? ได้อย่างชัดเจน เป็นยุคที่สภาผู้แทนราษฎร ได้ทำหน้าที่ “ปราบโกง” ตามระบอบประชาธิปไตยได้แท้จริง

“แดง” โกงชาติ ทำเป็นระบอบทักษิณ อ้างประชาธิปไตย แต่จะใช้อำนาจรัฐสภาโดย “อ้างว่าผูกโยงมาจากประชาชน” ล้มอำนาจตุลาการ ทั้งที่ซุกหุ้นด้วยนิติกรรมอำพราง ปลอมหนี้แม่ลูก 3,000 ล้าน จนถูกยึดทรัพย์หลักฐานชัดเจน หนีคุกมาเกือบ 20 ปี จึงสารภาพ แล้วยัง “โกงคุก” นับปี จนตอนนี้ กลับมารับโทษ ทำให้กฎหมายศักดิ์สิทธิ์เป็นธรรม ทุกคนจนรวยก็เหมือนกัน

“น้ำเงิน” เรื่อง “ต้านโกง” ยังเห็นไม่ชัด แต่เร่งรับ “ดูด สส.” แบบ “แดง” ทั่วแผ่นดิน ประชาชนย่อมยากจะไว้ใจได้

“ส้ม” ยัง พร่ำเพ้อแต่ “ต้องล้มรัฐธรรมนูญฉบับ ‘ต้านโกง’ ก่อน” แต่สัจธรรมคือ “ต้านการต้านโกง =เตรียมโกง” พรรคส้มยังใช้กลยุทธเดิม “ผิดหลักประชาธิปไตย” ใช้การโกหกใส่ร้ายเป็นอาวุธ ปิดหู-ปิดตา-ปิดปาก (ด้วยทัวร์ถล่ม) ปกปิดให้คนรุ่นใหม่ ไม่รับรู้ว่า นักการเมืองโกงชาติชอบอ้างประชาธิปไตยเหมือนทักษิณ แต่กลับมาโกงกินบ้างเมืองตามที่เห็น ไทยทนทบทวนคลิปธนาธรสัมภาษณ์รายการ คม-ชัด-ลึก ขอถือว่า จุดยืนธนาธรคือ “ส้ม” เพราะยังคงใช้นำพรรคประชาชนถึงปัจจุบัน

ท่ามกลางความขัดแย้งของประชาชนเสื้อเหลือง กับ ทักษิณ เพราะ ประชาชนทนไม่ได้ที่ทักษิณโกงชาติ เอื้อธุรกิจหุ้นชินฯที่ซุกหุ้นไว้ และ เสนาะก็ได้เปิดโปงว่า “ตอนวิกฤต 40 ทักษิณส่งรัฐมนตรีคลังเข้าไป แล้วทุบเงินบาท คนล้มละลายทั่วประเทศ เผาบ้านเผาเมืองเอาประกัน รวยอยู่คนเดียว” และ นั่นคือจุดวิกฤตเศรษฐกิจไทย ทุนสำรองเหลือไม่ถึง 5 พันล้านเหรียญ

ส้ม (ธนาธร) เลือกที่จะโกหกประชาชน โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ว่า สังคมไม่แตกแยกเลย ความขัดแย้งเกิดขึ้นเมื่อมีรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 โดย พลเอกสนธิ ธนาธรหลอกเยาวชนราวกับกว่า ก่อนนั้น ไม่มีเรื่องโกง ไม่มีเรื่องประชาชนบริสุทธิ์ ต้องสู้นอกสภาฯ เพราะ ทักษิณก็เหมือนธนาธร พร้อมโกหกประชาชนว่า มองข้ามเรื่อง “โกง” ไป หลอกให้เชื่อว่า “ผู้บริหารอำนาจรัฐที่มาจากประชาชนถูกเสมอ” แต่โกงไม่หยุด

โกงจนถึงการส่งน้องมา โกงตลอดโครงการ “จำนำข้าว” จนหนี้รัฐสูงถึง 500,000,000,000 บาท (ห้าแสนล้านบาท) จะถึงลูกหลาน แต่ส้ม (ธนาธร) เลือกจะปกป้องว่า ที่ถูกเอาผิด เรื่องเทคนิคทั้งนั้น และการให้รัฐสภาออก “พรบ.นิรโทษกรรม” สุดซอย หวังคืนเงินโกงชาติพี่ชาย 46,000 ล้านบาท รวมดอกเบี้ยเป็น 60,000 ล้านบาท ถ้าไม่ถูกหยุดยั้ง ชาติอาจต้องล้มละลายอีกรอบ

แม้พวกรัฐบาลยิ่งลักษณ์ หวังใช้สภาผู้แทนฯ คืออำนาจนิติบัญญัติ กดทับอำนาจตุลาการ เป็นการขัดหลักประชาธิปไตยที่ต้องมีทั้งอำนาจ บริหาร-นิติบัญญัติ-ตุลาการ อิสระจากกัน เพื่อรักษาความยุติธรรม แต่ธนาธร “เลือก” ที่จะตำหนิฝ่ายรัฐประหาร ทั้งที่ทำไปเพื่อปกป้องประชาชน “หัวใจต้านโกง” และ ธนาธรยังปกป้องยิ่งลักษณ์ว่าถูกเอาผิดทางเทคนิคอีกด้วย

ตอนคลิปเสียงอุ๊งอิ๊งออกมา ประชาชนทุกสีทนไม่ได้ ที่นายกฯอุ๊งอิ๊งยอมอังเคิล และ เห็นแม่ทัพภาค 2 ปกป้องชาติเป็นศัตรู ออกมาชุมนุมที่อนุสาวรีย์ชัยฯ ส้มเลือกจะบอกว่า ประชาชนไม่ควรร่วม จะเรียกรัฐประหาร และ ส้มเลือกจะบอกว่า ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินคดีอุ๊งอิ๊งได้ตามอำเภอใจ โดยไม่วิจารณ์เลยว่า คำวินิจฉัยศาลฯ ผิดตรงไหน ? ไม่เป็นธรรมตรงไหน ? 

และเมื่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้อุ๊งอิ๊งออกจากตำแหน่งเพราะขาดจริยธรรมจจริง นาย ณัฐพงษ์เรืองปัญญาวุฒิหัวหน้าพรรคส้ม กลับเน้นจุดยืนว่า “เรื่องความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ หรือ มาตรฐานจริยธรรม เป็นเรื่องที่เปิดให้มีการใช้ดุลยพินิจได้ตามอำเภอใจของผู้มีอำนาจ” และ จึงต้องแก้รัฐธรรมนูญฉบับ “ต้านโกง” นี้ก่อนพรรคส้มจะเข้าบริหารบ้านเมือง

ธนาธรก็เป็นนักธุรกิจใหญ่ ไม่น้อยกว่าทักษิณ ตอนสู้คดี “วีลัก” ก็นิติกรรมอำพราง โชว์การโอนหุ้นแต่ไม่ได้จดทะเบียนกระทรวงพาณิชย์ โชว์เช็คแต่ไม่เข้าบัญชี … ตอนธนาธรเริ่มเข้ามายุคแรกพรรคอนาคตใหม่ก็เหมือนจะเอี่ยวๆกับอิลอนมัสท์ เรื่อง “ไฮเปร์ลูป” ซึ่งอิลอน ก็หนุนทรัมพ์ และ ได้โครงการดาวเทียมไม่น้อย ระเบิดไปบ้างก็มี ถ้าไทยทำ “ไฮเปอร์ลูป” จริง จะเสียหายไปแล้วเท่าไร ?เพราะ ผ่านไปเกือบ 10 ปี ก็ไม่เกิดในที่ใดในโลกเลย และบริษัท hyperloop one ที่ธนาธรโชว์รูปที่ตัวเองอยู่ด้วยก็เจ๊งไปแล้วเมื่อไม่นานนี้ ก็เป็นแบบนักธุรกิจการเมืองแบบนี้ … แล้วประชาชนจะวางใจ “ส้ม” ได้อย่างไร

ถ้าเรื่องต้านโกง เทียบทีมงาน ฟ้า-แดง-ส้ม-น้ำเงิน เห็นชัดว่า อภิสิทธิ์ ประชาธิปัตย์ สีฟ้า ยืนหยัด “ต้านโกง” ควบคู่กับ “ต้านเผด็จการทหาร” อย่างมั่นคงมาตลอด 79 ปี เป็นที่ประจักษ์อย่างแท้จริง

ไทยทน