สรุปนวัตกรรมที่น่าสนใจและผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เปิดตัวในงาน AWS re:Invent 2025 เร่งประสิทธิภาพการประมวลผลและเครื่องมือในการสร้าง Agentic AI สำหรับใช้จริงในองค์กร 

หลังบิ๊กเทครายใหญ่ของโลกอย่าง Microsoft – Google ได้ทยอยเปิดตัวเครื่องมือในการสร้างเวิร์กโฟลว์อัตโนมัติ ไปจนถึง Agentic AI  หรือเอไอที่ช่วยตัดสินใจทำงานซับซ้อนได้อัตโนมัติ ไปก่อนแล้ว ถึงคราวยักษ์ใหญ่อีกรายในวงการ Amazon Web Services (AWS) ได้เปิดตัวนวัตกรรมของตน โดยเฉพาะด้านการพัฒนา Agentic AI ซึ่งจะเป็นเทรนด์สำคัญในปีหน้า 

การขยับของ AWS ซึ่งเป็นผู้ที่ครองสัดส่วนคลาวด์ทั่วโลกไว้มากสุด ส่งผลต่อนักพัฒนาทั้งโลกที่ล้วนสร้างนวัตกรรมบนคลาวด์

ในปีนี้ ซีอีโอ “Matt Garman” ได้ชวนชวนให้นักพัฒนาทั่วโลกหันมาต้องคำุถามว่า Why not การจะพัฒนานวัตกรรมเอไอนั้น ต้อง “ง่าย” หรือ “ทำไมจะไม่ได้” ซึ่งสะท้อนผ่านการสร้างเครื่องมือที่ต้องง่าย เพื่อโอบรับนวัตกรยุค Agentic AI ที่กำลังมาถึง

เขาได้ตอกย้ำถึงจุดเปลี่ยนครั้งประวัติศาสตร์ของวงการปัญญาประดิษฐ์ ได้ฉายภาพอย่างชัดเจนว่า AI ได้เดินทางผ่านยุคของการเป็นเพียง “สิ่งมหัศจรรย์ทางเทคโนโลยี”  มาสู่ยุคของการเป็นเครื่องมือที่สร้างผลลัพธ์และมูลค่าทางธุรกิจที่จับต้องได้จริง

หัวใจของการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้คือ “Agentic AI” หรือ AI ที่สามารถปฏิบัติงานและทำงานอัตโนมัติในนามของผู้ใช้ได้อย่างชาญฉลาด ซึ่งจะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการปฏิวัติทุกอุตสาหกรรม

นวัตกรรมที่ AWS ได้เปิดตัวเพื่อคว้าชัยในยุค Agentic AI ที่ “การ์แมน” ได้อธิบาย เริ่มต้นที่ “ฮาร์ดแวร์” ที่ทรงพลังก่อน 

AWS และ NVIDIA ขุมพลัง GPU รุ่นใหม่สุด ผสานชิปคัสตอม

ประการแรก นวัตกรรมโครงสร้างพื้นฐาน AI (AI Infrastructure) เป็นหัวใจสำคัญของการฝึกฝน (training) และการอนุมาน (inference) โมเดล AI และ Agent ที่ซับซ้อนในระดับองค์กร คือโครงสร้างพื้นฐานที่มีประสิทธิภาพสูงสุดและคุ้มค่าที่สุด ในยุค Agentic AI โครงสร้างพื้นฐานที่ทรงพลังเป็นเพียงทางผ่านประตู เท่านั้น ความได้เปรียบในการแข่งขันที่แท้จริงอยู่ที่ความสามารถในการมอบทางเลือกที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า

ซึ่ง AWS ได้แสดงให้เห็นถึงกลยุทธ์สองทางที่ชัดเจน คือ จับมือกับพันธมิตรที่ดีที่สุด (NVIDIA) เพื่อประสิทธิภาพระดับสูงสุด พร้อมกับพัฒนาชิปของตนเอง (AWS Silicon) เพื่อครองความเป็นผู้นำด้านประสิทธิภาพต่อราคา (price-performance)” ซึ่งเป็นการมอบทางเลือกที่เหนือกว่าให้กับลูกค้า

AWS ได้ย้ำถึงความสัมพันธ์อันยาวนานกับ NVIDIA และประกาศอย่างชัดเจนว่า “AWS คือสถานที่ที่ดีที่สุดในการรัน NVIDIA GPU” ด้วยความเสถียรและความน่าเชื่อถือที่เหนือกว่าผู้ให้บริการรายอื่น เพื่อต่อยอดความสำเร็จจากอินสแตนซ์ P6 generation ที่ใช้ชิป Blackwell อย่าง P6e GB200 UltraServer

ในวันนี้ AWS ได้เปิดตัวอินสแตนซ์ใหม่ P6e GB300 ซึ่งขับเคลื่อนด้วย NVIDIA GB300 รุ่นล่าสุด เพื่อรองรับการประมวลผล AI ที่ต้องการพลังสูงสุด ความแข็งแกร่งของโครงสร้างพื้นฐานนี้เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ลูกค้ารายใหญ่อย่าง OpenAI เลือกใช้ AWS ในการรัน ChatGPT และฝึกฝนโมเดล AI รุ่นต่อไปของพวกเขา

AWS re:Invent 2025Photo Copyright Noah Berger

AWS Silicon: ยุคใหม่ของชิป AI เฉพาะทาง

นอกเหนือจากการใช้ GPU จากพันธมิตร AWS ยังคงเดินหน้าพัฒนานวัตกรรมชิปของตนเองอย่างต่อเนื่อง โดยก่อนที่จะเปิดตัวชิปรุ่นใหม่ AWS ได้สร้างความเชื่อมั่นด้วยการเปิดเผยว่าได้ติดตั้งชิป Trainium ไปแล้วกว่า 1 ล้านชิป ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงขนาดและความสำคัญของโปรแกรมนี้ และในงานนี้ได้มีการประกาศความก้าวหน้าที่สำคัญหลายประการ 

– Trainium 3 เปิดให้ใช้งานทั่วไปแล้ว (Generally Available – GA) โดยเป็นชิป AI ที่ผลิตด้วยเทคโนโลยี 3 นาโนเมตรตัวแรกบน AWS Cloud และมีคุณสมบัติที่ก้าวกระโดดจากรุ่นก่อนหน้าอย่างมหาศาล:
– ประสิทธิภาพการประมวลผล (Compute): เพิ่มขึ้น 4.4 เท่า
– แบนด์วิดท์หน่วยความจำ (Memory Bandwidth): เพิ่มขึ้น 3.9 เท่า
– ประสิทธิภาพต่อพลังงาน (Tokens per Watt): ดีขึ้น 5 เท่า
* Trainium 4 กำลังอยู่ในขั้นตอนการออกแบบ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งเพื่อรักษาความเป็นผู้นำในด้านนี้ต่อไป

AWS AI Factories ยกโรงงาน AI ไปไว้ที่องค์กรของคุณ

เพื่อตอบสนองความต้องการขององค์กรขนาดใหญ่และหน่วยงานภาครัฐที่มีข้อกำหนดด้านความปลอดภัย, ความเป็นส่วนตัว และอธิปไตยทางข้อมูล (data sovereignty) ที่เข้มงวด AWS ได้เปิดตัว AWS AI Factories ซึ่งเป็นบริการโครงสร้างพื้นฐาน AI แบบเฉพาะเจาะจง (dedicated) ที่สามารถนำไปติดตั้งในศูนย์ข้อมูลของลูกค้าได้เอง แนวคิดนี้เปรียบเสมือนการสร้าง “Private AWS Region” ที่ช่วยให้องค์กรสามารถใช้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานและบริการ AI ชั้นนำของ AWS ได้อย่างเต็มที่ภายใต้สภาพแวดล้อมของตนเอง

โครงสร้างพื้นฐานที่ทรงพลังเป็นเพียงจุดเริ่มต้น ความได้เปรียบในการแข่งขันที่แท้จริงอยู่ที่แพลตฟอร์มที่จะช่วยให้นักพัฒนาสามารถดึงศักยภาพเหล่านั้นออกมาใช้ได้อย่างเต็มที่ ซึ่งเป็นสิ่งที่ AWS กำลังมุ่งเน้นด้วยระบบนิเวศของ Bedrock และ Nova

AWS re:Invent 2025 Photo Copyright Noah Berger

เครื่องมือสร้าง AI สำหรับองค์กร: Bedrock, Nova และ Nova Forge

AWS ได้สร้างแพลตฟอร์มที่ครอบคลุมเพื่อให้นักพัฒนาสามารถสร้าง, ปรับแต่ง และปรับใช้แอปพลิเคชัน Generative AI ได้อย่างรวดเร็ว ปลอดภัย และสามารถขยายขนาดจากการทดลองไปสู่การใช้งานจริงในระดับโปรดักชันได้อย่างราบรื่น ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการปลดล็อกมูลค่าทางธุรกิจจากโครงสร้างพื้นฐานที่ทรงพลัง

Amazon Bedrock เติบโตอย่างก้าวกระโดด

Amazon Bedrock ได้พิสูจน์ตัวเองว่าเป็นแพลตฟอร์มที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง โดยมีลูกค้ามากกว่า 50 รายที่ประมวลผลไปแล้วมากกว่า 1 ล้านล้านโทเคน (1 trillion tokens) ต่อราย ซึ่งสะท้อนถึงขนาดและความสามารถในการรองรับเวิร์กโหลดขนาดใหญ่ได้เป็นอย่างดี AWS ยังคงเดินหน้าตามกลยุทธ์ “Model Choice” ที่เชื่อว่าไม่มีโมเดลใดโมเดลเดียวที่เหมาะกับทุกงาน โดยได้ประกาศเพิ่มโมเดลชั้นนำใหม่ๆ เข้าสู่แพลตฟอร์มอย่างต่อเนื่อง เช่น Mistral Large 3, Google Gemma และ Nvidia Nemotron เพื่อให้ลูกค้ามีทางเลือกที่หลากหลายและดีที่สุดสำหรับงานของตน

Amazon Nova 2 – Omni แก้เพนพอยต์ โมเดลภาษาจาก AWS

AWS ได้เปิดตัวโมเดลตระกูล Nova 2 รุ่นใหม่ ซึ่งมอบประสิทธิภาพระดับ Frontier ในราคาที่เข้าถึงได้ง่าย พร้อมความสามารถที่หลากหลายเพื่อตอบโจทย์การใช้งานที่แตกต่างกัน และที่สำคัญคือประสิทธิภาพที่สามารถแข่งขันกับโมเดลชั้นนำในตลาดได้อย่างทัดเทียม

ทั้งนี้ โมเดลล่าสุด Nova 2 Omni เป็นการแก้เพนพอยต์สำคัญของการ “Prompt” ที่มักขาดบริบทและความเข้าใจที่ถูกต้อง ทำให้ได้ผลลัพทธ์ที่ผิดพลาด และความจริงหลอน Nova 2 Omni เป็นโมเดลแรกของวงการที่รองรับ Input ได้หลายรูปแบบ (text, image, video, audio) และสร้าง Output เป็น text และ image ได้ในโมเดลเดียว

Nova 2 Lite โมเดลที่รวดเร็วและคุ้มค่าสำหรับงานทั่วไป มีประสิทธิภาพสูงในการทำตามคำสั่ง (instruction following) และการเรียกใช้เครื่องมือ (tool calling) ซึ่งเทียบเคียงได้กับโมเดลอย่าง Claude Haiku, GPT-5 Mini และ Gemini Flash 2.5

Nova 2 Pro โมเดลที่ฉลาดที่สุดสำหรับงานที่ซับซ้อน มีความสามารถด้านการให้เหตุผล (reasoning) และการใช้งานแบบ Agentic ที่โดดเด่น โดยให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าเมื่อเทียบกับโมเดลชั้นนำอย่าง GPT-5.1, Gemini 3 Pro และ Claude 4.5 Sonnet

Nova 2 Sonic โมเดล Speech-to-Speech รุ่นใหม่ ที่ให้การสนทนาเหมือนมนุษย์แบบเรียลไทม์
Amazon Nova Forge: พลิกโฉมการสร้างโมเดล AI เฉพาะทาง

เครื่องมือต่อยอด เพื่อสร้างเอไอจากในรั้วองค์กรเอง

หนึ่งในประกาศที่สำคัญที่สุดคือ Amazon Nova Forge ซึ่งเป็นคำตอบเชิงกลยุทธ์ของ AWS ต่อปัญหาพื้นฐานขององค์กร: การทำ fine-tuning แบบดั้งเดิมนั้นไม่เพียงพอที่จะสอนความรู้เชิงลึกที่เป็นกรรมสิทธิ์ขององค์กรให้กับโมเดลได้ โดยไม่ทำให้เกิดภาวะ “model forgetting” หรือการลืมความสามารถเดิมไป

Nova Forge จึงนำเสนอแนวคิดใหม่ที่เรียกว่า “Open Training Models” เพื่อสร้าง “คูเมืองข้อมูล (data moat)” ที่แท้จริง โดยเปิดโอกาสให้ลูกค้าสามารถนำข้อมูลที่เป็นกรรมสิทธิ์ของตนเอง (proprietary data) เข้าไปผสมผสาน ในระหว่างขั้นตอนการฝึกฝน โมเดล Nova เพื่อสร้างโมเดลส่วนตัวที่เรียกว่า “novella” ซึ่งมีความเข้าใจในโดเมนของธุรกิจนั้นๆ อย่างลึกซึ้ง

ตัวอย่างความสำเร็จที่ชัดเจนคือกรณีของ Reddit ที่ใช้ Nova Forge สร้างโมเดลสำหรับตรวจสอบเนื้อหา (content moderation) ซึ่งให้ผลลัพธ์ที่มีความแม่นยำและประสิทธิภาพสูงกว่าวิธีการแบบดั้งเดิมอย่างมีนัยสำคัญ

เมื่อองค์กรมีโมเดลที่ทรงพลังและเข้าใจข้อมูลของตนเองอย่างถ่องแท้แล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการสร้าง “Agent” ที่จะนำโมเดลเหล่านี้ไปปฏิบัติงานจริงได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ ซึ่งนำไปสู่ความท้าทายใหม่ นั่นคือการควบคุม

หัวใจยุค Agentic นวัตกรรมบน Amazon Bedrock AgentCore

AgentCore คือคำตอบของ AWS ต่อความกังวลที่ใหญ่ที่สุดขององค์กรเกี่ยวกับ Agentic AI นั่นคือการสูญเสียการควบคุมและความสามารถในการคาดการณ์ มันคือแพลตฟอร์มพื้นฐานที่ออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อการสร้าง, ปรับใช้ และบริหารจัดการ Agent ในระดับองค์กรอย่างปลอดภัยและยืดหยุ่น จุดเด่นคือการเป็นแพลตฟอร์มแบบโมดูลาร์ (modular) ที่องค์กรสามารถเลือกใช้เฉพาะส่วนประกอบที่จำเป็นได้ตามความต้องการ

Policy in AgentCore สร้างความเชื่อมั่นและควบคุมการทำงานของ Agent ด้วยความท้าทายที่สำคัญที่สุดของ Agent คือพฤติกรรมที่ไม่สามารถคาดเดาได้ 100% (non-deterministic)

AWS ได้นำเสนอ Policy in AgentCore เพื่อเป็นคำตอบของปัญหานี้ โดยเปรียบเทียบการควบคุม Agent ไว้อย่างเห็นภาพว่าเหมือนกับ “การเลี้ยงลูกวัยรุ่น” (raising a teenager)

เราต้องให้อิสระแก่พวกเขาในการเรียนรู้และตัดสินใจ แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องมี “กฎของบ้าน” ที่ชัดเจนเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาใหญ่ Policy ทำหน้าที่เดียวกันนี้ โดยเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้องค์กรสามารถกำหนด “กฎ” และ “ขอบเขต” การทำงานของ Agent ได้แบบเรียลไทม์และเด็ดขาด (deterministic) ผู้ใช้เพียงกำหนดนโยบายด้วยภาษาธรรมชาติ จากนั้นระบบจะแปลงเป็นภาษา Cedar และบังคับใช้ที่ AgentCore Gateway ก่อนที่ Agent จะสามารถเข้าถึงเครื่องมือหรือข้อมูลใดๆ ได้ ทำให้องค์กรวางใจได้ว่า Agent จะทำงานอยู่ภายใต้ขอบเขตที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด

อีกส่วนคือ AgentCore Evaluations เพื่อแก้ความท้าทายคือการวัดผล “คุณภาพ” ของ Agent ซึ่งเป็นเรื่องนามธรรม เช่น ความถูกต้อง (correctness), ความเป็นประโยชน์ (helpfulness) หรือความเหมาะสมกับภาพลักษณ์ของแบรนด์ (on-brand)

AWS ได้เปิดตัว AgentCore Evaluations บริการใหม่ที่มาพร้อมกับ เครื่องมือประเมินผลสำเร็จรูป 13 รูปแบบ (13 pre-built evaluators) สำหรับมิติคุณภาพที่พบบ่อย ช่วยให้กระบวนการนี้เป็นไปโดยอัตโนมัติ โดยสามารถตรวจสอบพฤติกรรมของ Agent เพื่อเปรียบเทียบกับเกณฑ์ที่กำหนดไว้ได้ทั้งในระหว่างการทดสอบและในสภาพแวดล้อมการใช้งานจริง (production) ซึ่งช่วยให้องค์กรสามารถปรับปรุงและรักษาคุณภาพของ Agent ได้อย่างต่อเนื่อง

เมื่อมีแพลตฟอร์มสำหรับ Agent ที่แข็งแกร่งและน่าเชื่อถือแล้ว AWS จึงได้ยกระดับไปอีกขั้นด้วยการสร้าง Agent ที่มีความสามารถสูงขึ้นไปอีกเพื่อปฏิวัติกระบวนการทำงานที่สำคัญที่สุดและเป็นคอขวดที่ใหญ่ที่สุดขององค์กร นั่นคือการพัฒนาซอฟต์แวร์

Frontier Agents และอนาคตของการพัฒนาซอฟต์แวร์

AWS ได้แสดงวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนในการปฏิวัติวงการพัฒนาซอฟต์แวร์ทั้งหมด โดยเริ่มต้นจากการเล่าถึงความสำเร็จของ Kiro สภาพแวดล้อมการพัฒนาแบบ Agentic ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้อย่างมหาศาล ดังตัวอย่างโครงการที่เคยคาดว่าจะใช้ทีม 30 คน เป็นเวลา 18 เดือน สามารถทำให้สำเร็จได้โดยใช้ทีมเพียง 6 คน ในเวลาแค่ 76 วัน และวันนี้ AWS ได้นำเสนอนิยามใหม่ของ Agent ที่จะมาขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงนี้

นิยามใหม่ของ Agent AI: Frontier Agents

Frontier Agents คือ Agent ยุคใหม่ที่มีความสามารถสูงกว่า Agent ทั่วไปอย่างก้าวกระโดด โดยมีคุณสมบัติหลัก 3 ประการ:

* Autonomous: สามารถทำงานได้ด้วยตนเองตามเป้าหมายที่กำหนด โดยไม่ต้องรอคำสั่งทีละขั้นตอน
* Massively Scalable: สามารถทำงานหลายอย่างพร้อมกันและขยายการทำงานเพื่อรองรับปริมาณงานที่เพิ่มขึ้นได้
* Long-running: สามารถทำงานต่อเนื่องเป็นเวลาหลายชั่วโมงหรือหลายวันได้โดยไม่จำเป็นต้องมีการแทรกแซงจากมนุษย์

AWS ได้เปิดตัว Frontier Agents 3 ตัวแรก ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อจัดการกับปัญหาคอขวด (bottlenecks) ในแต่ละขั้นตอนของการพัฒนาซอฟต์แวร์โดยเฉพาะ

  • Kiro Autonomous Agent รับงานที่ซับซ้อนจาก backlog (เช่น การอัปเกรด library, การแก้บั๊ก) และดำเนินการพัฒนา, ทดสอบ, และสร้าง pull request ให้โดยอัตโนมัติในเบื้องหลัง เพิ่มขีดความสามารถ (capacity) ของทีมนักพัฒนาอย่างมหาศาล ปลดปล่อยนักพัฒนาให้ไปโฟกัสกับงานที่สร้างสรรค์
  • AWS Security Agent ฝังความเชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยไว้ในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การตรวจสอบเอกสารออกแบบ, สแกนโค้ด, ไปจนถึงการทำ Penetration Testing แบบ on-demand ช่วยให้องค์กรสามารถปล่อยซอฟต์แวร์ได้เร็วขึ้นและบ่อยขึ้นด้วยความมั่นใจด้านความปลอดภัย ลดความเสี่ยงและค่าใช้จ่ายในการแก้ไขภายหลัง
  • AWS DevOps Agent ตรวจสอบและแก้ไขปัญหา (incident) ที่เกิดขึ้นในระบบโปรดักชันโดยอัตโนมัติ พร้อมทั้งเสนอแนวทางป้องกันไม่ให้เกิดซ้ำ ลดเวลาในการแก้ไขปัญหา (MTTR), เพิ่มความเสถียรของระบบ (reliability), และลดภาระงานของทีม DevOps และ On-call Engineer

Contact to : xlf550402@gmail.com


Privacy Agreement

Copyright © boyuanhulian 2020 - 2023. All Right Reserved.