เครือข่ายมหาวิทยาลัย 3 แห่งในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ เปิดเผยแผนและผลการรับมือภัยน้ำท่วมปี 2568 โดยใช้ระบบทีมงาน 8 ชุดปฏิบัติการ ประสานงานกับผู้ว่าราชการจังหวัดผ่านศูนย์สั่งการแบบเรียลไทม์ ซึ่งช่วยให้สามารถควบคุมสถานการณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมเผยแพร่โมเดลการทำงานที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในพื้นที่อื่น ๆ ได้

ผศ.ดร.อรุณีวรรณ บัวเนี่ยว รองอธิการบดีฝ่ายวิจัยและพันธกิจสังคม มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี (ม.อ.ปัตตานี) เปิดเผยว่า ทั้ง 3 มหาวิทยาลัย ได้แก่ ม.อ.ปัตตานี มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา (มรภ.ยะลา) และมหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ (มนร.) ได้ร่วมกันหลอมรวมข้อมูลความรู้จากงานวิจัยของแต่ละสถาบัน พัฒนาเป็นแพลตฟอร์มบูรณาการเพื่อการพัฒนาพื้นที่

โครงการนี้ได้รับทุนสนับสนุนจากหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.) และเชื่อมโยงความร่วมมือกับภาคีเครือข่ายในพื้นที่ ทั้งภาคราชการ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม

“ภายใต้แพลตฟอร์มบูรณาการเพื่อการพัฒนาพื้นที่ ซึ่งเป็นกลไกหลักในการรับมือสถานการณ์น้ำท่วมอย่างเป็นระบบ เรามีกำลังคนทั้งคณาจารย์ นักศึกษา และบุคลากรของ 3 มหาวิทยาลัย รวม 30,000 คน โดยเกือบทุกคนเป็นผู้มีภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่ รู้จักพื้นที่ ตลอดจนวิถีชีวิตคนพื้นที่อย่างดี ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญยิ่งของความสำเร็จในการรับมือภัยพิบัติน้ำท่วม”

จัดทีมงาน 8 ชุดรับผิดชอบ

ผศ.ดร.อรุณีวรรณอธิบายว่า ปัจจัยความสำเร็จของการรับมือภัยพิบัติน้ำท่วมคือการทำงานแบบจิตอาสา สืบสานพระราชปณิธาน “จิตอาสา เราทำความดีด้วยหัวใจ” ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และมีการจัดระบบระเบียบการทำงานออกเป็น 8 ทีมที่มีหน้าที่รับผิดชอบชัดเจน

ทีมที่ 1 ทีมข้อมูลสถานการณ์น้ำ ทำหน้าที่ติดตามและรายงานสถานการณ์ปริมาณน้ำในพื้นที่ ทีมที่ 2 ทีมข้อมูลสถานการณ์พื้นที่ รวบรวมข้อมูลพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ ทีมที่ 3 ทีมรับบริจาค จัดการรับและกระจายสิ่งของช่วยเหลือจากผู้มีจิตศรัทธา ทีมที่ 4 ทีมปฏิบัติการพื้นที่ ลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยจริง

ทีมที่ 5 ทีมครัวเฉพาะกิจ จัดการเรื่องอาหารสำหรับผู้ประสบภัย ทีมที่ 6 ทีมสื่อสารและประสานงาน ทำหน้าที่เชื่อมโยงข้อมูลและประสานงานระหว่างทุกภาคส่วน ทีมที่ 7 ทีมเทคโนโลยีภัยพิบัติ นำเทคโนโลยีต่าง ๆ มาใช้ในการจัดการสถานการณ์ และ ทีมที่ 8 ทีมวิเคราะห์ประเมินผลกระทบจากสถานการณ์ ซึ่งทั้ง 8 ทีมนี้จะทำงานเชื่อมโยงกับกลไกราชการและชุมชนในพื้นที่

“การแบ่งทีมงานแบบนี้ทำให้การทำงานเป็นระบบ ไม่สับสน และสามารถตอบสนองต่อความต้องการได้อย่างรวดเร็ว”

เปิดศูนย์สั่งการเรียลไทม์

สำหรับการรับมือน้ำท่วมปี 2568 ในจังหวัดปัตตานี ม.อ.ปัตตานี ได้ประสานความร่วมมือกับ นางพาตีเมาะ สะดียามู ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี เปิดศูนย์รับแจ้งเหตุและสั่งการแก้ปัญหาน้ำท่วมแบบเรียลไทม์ ทำให้สามารถติดตามสถานการณ์และสั่งการแก้ไขปัญหาได้ทันที

นอกจากนี้ ยังมีการบอกกล่าวเครือข่ายนักจัดการงานพัฒนาเชิงพื้นที่ทั้ง 12 อำเภอของจังหวัดปัตตานี ให้ยกระดับการรับมือภัยพิบัติอุทกภัย โดยมี ผศ.ดร.สมพร ช่วยอารีย์ ผู้อำนวยการสำนักวิทยบริการ ม.อ.ปัตตานี ทำหน้าที่เป็นวิทยากรหลักในการถ่ายทอดความรู้

การทำงานผ่านเครือข่ายนักจัดการงานพัฒนาเชิงพื้นที่ตามคำแนะนำผู้ทรงคุณวุฒิของ บพท. ถือเป็นกลไกสำคัญที่ทำให้การช่วยเหลือสามารถเข้าถึงชุมชนได้อย่างรวดเร็ว เพราะนักจัดการงานพัฒนาเหล่านี้เป็นคนในพื้นที่ รู้จักผู้คนและสภาพปัญหาดี

ซึ่งสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือการให้ความรู้กับชุมชนในการเผชิญเหตุรับมือกับภัยพิบัติได้ด้วยตัวเอง ไม่ใช่แค่รอรับความช่วยเหลือจากภายนอกเพียงอย่างเดียว ซึ่งเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับชุมชนในระยะยาว

เมื่อชุมชนมีความรู้และทักษะในการรับมือภัยพิบัติ ก็จะสามารถช่วยเหลือตนเองได้ในระดับหนึ่ง รอจนกว่าความช่วยเหลือจากหน่วยงานต่าง ๆ จะเข้าถึง และยังสามารถร่วมมือกับหน่วยงานภายนอกได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ผศ.ดร.เกสรี ลัดเลีย
ผศ.ดร.เกสรี ลัดเลีย

ขยายการดูแลครอบคลุมทุกมิติ

ผศ.ดร.เกสรี ลัดเลีย รองอธิการบดีฝ่ายวิจัยและวิชาการ มรภ.ยะลา ชี้แจงว่า จากการปฏิบัติงานจริงภายใต้แพลตฟอร์มบูรณาการเพื่อการพัฒนาพื้นที่ในการรับมือภัยพิบัติน้ำท่วม ทีมงานได้ค้นพบประเด็นเพิ่มเติมที่ต้องจัดการ นั่นคือเรื่องการบริบาลผู้ป่วยและการผดุงครรภ์

“เราพบว่าในสถานการณ์น้ำท่วม ผู้ป่วยและหญิงตั้งครรภ์เป็นกลุ่มเปราะบางที่ต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ จึงได้นำประเด็นนี้เข้าสู่การแก้ไขให้ลุล่วงไปด้วย”

การดูแลผู้ป่วยในสถานการณ์น้ำท่วมมีความท้าทาย เพราะอาจมีปัญหาเรื่องการเข้าถึงยา การรักษาต่อเนื่อง หรือการนำส่งโรงพยาบาล ส่วนหญิงตั้งครรภ์ก็ต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ โดยเฉพาะกรณีที่ใกล้คลอดหรือมีภาวะแทรกซ้อน

ทีมงานจึงได้ประสานงานกับหน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่ เพื่อดูแลกลุ่มเป้าหมายเหล่านี้อย่างใกล้ชิด และมีแผนรองรับกรณีฉุกเฉินไว้ล่วงหน้า

รศ.ดร.วสันต์ พลาศัย
รศ.ดร.วสันต์ พลาศัย

ควบคุมความเสียหายได้

รศ.ดร.วสันต์ พลาศัย รองอธิการบดีฝ่ายวิจัยและนวัตกรรม มนร. กล่าวว่า การขับเคลื่อนงานรับมือภัยพิบัติน้ำท่วมด้วยชุดความรู้จากการวิจัยที่ถูกออกแบบไว้ดี และสร้างการมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่ายในพื้นที่ โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดและนายกเทศมนตรีเป็นกลไกหลัก ทำให้การรับมือกับภัยพิบัติน้ำท่วมทั้งที่ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถควบคุมความเสียหายให้อยู่ในวงจำกัด

การทำงานแบบบูรณาการระหว่างมหาวิทยาลัยกับหน่วยงานราชการในพื้นที่ ทำให้เกิดพลังร่วมที่แข็งแกร่ง มหาวิทยาลัยมีความรู้และกำลังคน ส่วนหน่วยงานราชการมีอำนาจในการสั่งการและทรัพยากร เมื่อทำงานร่วมกันจึงสามารถแก้ปัญหาได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

ความสำเร็จของโมเดลการรับมือภัยพิบัติจากทั้ง 3 จังหวัด น่าจะเป็นข้อมูลสนับสนุนให้หน่วยงานระดับนโยบายพิจารณาผลักดันให้งานป้องกันและบรรเทาภัยพิบัติเป็นส่วนหนึ่งของพันธกิจสำคัญของมหาวิทยาลัย

“มหาวิทยาลัยเป็นหน่วยงานที่มีความพร้อมทั้งความรู้ วัสดุอุปกรณ์ และกำลังบุคลากร หากมีนโยบายรองรับและงบประมาณสนับสนุนอย่างเป็นรูปธรรม มหาวิทยาลัยสามารถเป็นกลไกสำคัญในการจัดการภัยพิบัติของประเทศได้”

ตนหวังว่าทั้งปัตตานีโมเดล-ยะลาโมเดล หรือนราธิวาสโมเดล ที่ถูกพิสูจน์ผลสัมฤทธิ์ในการรับมือภัยพิบัติน้ำท่วม น่าจะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้หน่วยงานระดับนโยบาย ผลักดันให้งานป้องกันและบรรเทาภัยพิบัติ เป็นส่วนหนึ่งของพันธกิจสำคัญของมหาวิทยาลัย เนื่องจากเป็นหน่วยงานที่มีความพร้อมทั้งความรู้ วัสดุอุปกรณ์ และกำลังบุคลากร

Contact to : xlf550402@gmail.com


Privacy Agreement

Copyright © boyuanhulian 2020 - 2023. All Right Reserved.