“อะเมซิ่ง ไทยแลนด์ มาราธอน แบงค็อก พรีเซ็นต์บาย โตโยต้า ครั้งที่ 8” ปีนี้ถูกจารึกลงในอีกหนึ่งหน้าประวัติศาสตร์การวิ่งของไทย เมื่อ “เอเลียด คิปโชเก้” ตำนานนักวิ่งมาราธอนระดับโลก เดินทางมาเยือนไทยเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน พร้อมปลุกกระแสการแข่งขันให้กลายเป็นหนึ่งในเทศกาลงานวิ่งที่ถูกจับตามองมากที่สุดในเอเชีย และกำลังก้าวขึ้นสู่เวทีโลกอย่างเต็มภาคภูมิ
ปีนี้งานมาราธอนสามารถดึงนักวิ่งต่างชาติให้เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด สะท้อนมาตรฐานการจัดการแข่งขันที่ยกระดับขึ้นเทียบเท่าเมืองมาราธอนระดับโลก ไม่ว่าจะเป็นนิวยอร์ก ลอนดอน โตเกียว หรือเบอร์ลิน กรุงเทพฯ ถูกพูดถึงในวงการนักวิ่งนานาชาติว่าเป็น “เมืองใหม่ที่ต้องมาวิ่งให้ได้สักครั้งในชีวิต”
และไฮไลต์ที่สร้างความตื่นตะลึงไปทั่วโลกคือ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จฯ ร่วมทรงกดปุ่มสัญญาณปล่อยตัวนักวิ่ง และทรงร่วมลงวิ่งฮาล์ฟมาราธอน 21.1 กิโลเมตร เคียงข้าง คิปโชเก้ จากเส้นสตาร์ตจนถึงเส้นชัย ด้วยเวลา 2 ชั่วโมง 13 นาที 40 วินาที ตลอดเส้นทางทรงเปี่ยมด้วยรอยยิ้ม ทรงทักทายนักวิ่งอย่างเป็นกันเอง ภาพประวัติศาสตร์นี้ถูกส่งต่อไปทั่วโลก กลายเป็นแรงบันดาลใจแก่ผู้หญิงและเยาวชนให้ลุกขึ้นมาใส่ใจสุขภาพมากยิ่งขึ้น

คิปโชเก้เองยังร่วมกิจกรรมหลากหลายระหว่างอยู่ในไทย การร่วมกิจกรรม RZ10 งานแถลงข่าวการจัดการแข่งขัน รวมทั้งการซ้อมวิ่งร่วมกับแฟน ๆ พิธีพิมพ์รอยเท้า Footprint Ceremony มอบให้กรุงเทพมหานคร เรียนรู้ศิลปะมวยไทยกับบัวขาว บัญชาเมฆ รวมถึงกิจกรรม Nike Recovery หลังการแข่งขัน ซึ่งทั้งหมดกลายเป็นปรากฏการณ์ที่แสดงพลังของกีฬาในการเชื่อมผู้คนจากหลากหลายชาติและวัฒนธรรมเข้าด้วยกัน
บรรยากาศการแข่งขันปีนี้คึกคักเป็นพิเศษ อุณหภูมิช่วงแข่งขันอยู่ที่ 15-16 องศา เย็นสบายจนช่วยให้นักวิ่งกว่าครึ่งทำเวลาใหม่ให้ตัวเอง เส้นทางจากปทุมวันสู่ท้องสนามหลวง งดงามและเต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์ของเมืองเก่า ท่ามกลางกำลังใจจากประชาชนที่ออกมาเชียร์ตลอดเส้นทาง
แน่นอนว่างานใหญ่ที่ต้องใช้องคาพยพหลากหลายภาคส่วนมาช่วยกันคิด ช่วยกันทำ ย่อมมีจุดบกพร่องให้ต้องพูดถึง และนำกลับไปปรับปรุงแก้ไข ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเสื้อแข่ง, เสื้อฟินิชเชอร์ที่แจกสำหรับระยะฮาล์ฟมาราธอน, ห้องน้ำ และการจัดการในบางจุด แต่สิ่งเหล่านี้คือเสียงสะท้อนที่ผู้จัดการแข่งขันต้องนำไปปรับปรุงแก้ไข

การแข่งขันครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมการแข่งขันทั้งชาวไทย ชาวต่างชาติ จำนวน 48,000 คน ผู้ร่วมเดินทาง เจ้าหน้าที่ และประชาชน จำนวนไม่น้อยกว่า 80,000 คน ก่อให้เกิดรายได้เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจท่องเที่ยวของประเทศทั้งทางตรงและทางอ้อมไม่น้อยกว่า 1,400 ล้านบาท
แม้วันนี้ เอเลียด คิปโชเก้ จะเดินทางกลับเคนยาบ้านเกิดแล้ว แต่เขาได้ฝากเทคนิคในการวิ่งให้ประสบความสำเร็จทิ้งไว้ให้แฟน ๆ นักวิ่งไทยคือ ให้ทุกคนวิ่งด้วยความสนุก มีความสุขในทุก ๆ ครั้งที่ได้วิ่ง โดยไม่ต้องใส่ใจหรือสนใจกับเวลามากไป และต้องไม่ลืมว่าความสวยงามรออยู่ที่เส้นชัยเสมอ
คิปโชเก้ให้คำมั่นสัญญาว่าจะกลับมาพบกับแฟน ๆ ของเขาและชาวไทยอีกครั้งในปีหน้า ในการแข่งขันวิ่งมาราธอน “อะเมซิ่ง ไทยแลนด์ มาราธอน แบงค็อก ครั้งที่ 9” อย่างแน่นอน…แฟน ๆ นักวิ่งไทยฟิตร่างกายรอได้เลย…
Contact to : xlf550402@gmail.com
Copyright © boyuanhulian 2020 - 2023. All Right Reserved.