ราชกิจจานุเบกษา ประกาศกฎกระทรวงฉบับใหม่ ปรับเพดานค่าจ้างสำหรับส่งเงินสมทบ-คำนวณสิทธิประโยชน์ผู้ประกันตน ม.33 แบบบันได 3 ขั้น เริ่มเพดานสูงสุดใหม่ที่ 17,500 บาท ตั้งแต่ 1 ม.ค. 2569 และปรับสูงสุดที่ 23,000 บาท ตั้งแต่ปี 2575 เป็นต้นไป

ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่กฎกระทรวง กำหนดค่าจ้างขั้นต่ำและขั้นสูงที่ใช้เป็นฐานในการคำนวณเงินสมทบของผู้ประกันตนตนตามมาตรา 33 พ.ศ.2568

กฎกระทรวงดังกล่าว ระบุว่า อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 7 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2533 และมาตรา 46 วรรคห้า แห่งพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2533 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติประกันสังคม (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2542 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้

ข้อ 1 กฎกระทรวงนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2569 เป็นต้นไป

ข้อ 2 ให้ยกเลิกกฎกระทรวง ฉบับที่ 7 (พ.ศ. 2538) ออกตามความในพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2533

ข้อ 3 ค่าจ้างขั้นต่ำและขั้นสูงที่ใช้เป็นฐานในการคำนวณเงินสมทบของผู้ประกันตนตามมาตรา 33 แต่ละคน ให้กำหนดเป็นจำนวน ดังต่อไปนี่

(1) ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2569 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2571 จำนวนไม่ต่ำกว่าเดือนละ 1,650 บาท และไม่เกินเดือนละ 17,500 บาท

(2) ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2572 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2574 จำนวนไม่ต่ำกว่าเดือนละ 1,650 บาท และไม่เกินเดือนละ 20,000 บาท

(3) ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2575 เป็นต้นไป จำนวนไม่ต่ำกว่าเดือนละ 1,650 บาท และไม่เกินเดือนละ 23,000 บาท

ให้ไว้ ณ วันที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2568

ตรีนุช เทียนทอง

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน

สำหรับเหตุผลในการประกาศกฎกระทรวงดังกล่าว คือ โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงค่าจ้าจ้างขั้นต่ำและขั้นสูงที่ใช้เป็นฐานในการคำนวณเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมของผู้ประกันตนตามมาตรา 33 แต่ละคน ให้เหมาะสมและสอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน เพื่อให้ผู้ประกันตนได้รับประโยชน์ทดแทนเพิ่มขึ้นตามฐานในการคำนวณเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคม จึงจำเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้

สำหรับการปรับเพดานค่าจ้างสำหรับการส่งเงินสมทบและคำนวณสิทธิประโยชน์ของผู้ประกันตน ม.33 นั้น ค่าจ้างขั้นต่ำที่ใช้คำนวณ ยัง 1,650 บาทต่อเดือนตามเดิม ส่วนค่าจ้างที่เป็นเพดานสูงสุด จะปรับตามช่วงเวลาต่อไปนี้

  • ปี 2569-2571 ไม่เกิน 17,500 บาท
  • ปี 2572-2574 ไม่เกิน 20,000 บาท
  • ตั้งแต่ปี 2575 เป็นต้นไป ไม่เกิน 23,000 บาท

สำหรับสิทธิประโยชน์ จะมีการปรับเพิ่มขึ้นตามการปรับเพดานค่าจ้างที่ปรับขึ้นแบบขั้นบันได โดยสิทธิประโยชน์สูงสุดจะเปลี่ยนแปลงดังนี้

ปี 2569-2571

  • ส่งเงินสมทบสูงสุด 875 บาทต่อเดือน
  • เงินทดแทนกรณีเจ็บป่วย 8,750 บาทต่อเดือน (291 บาทต่อวัน สูงสุด 180 วัน รวม 52,500 บาท)
  • เงินสงเคราะห์คลอดบุตร 26,250 บาทต่อครั้ง
  • เงินทดแทนกรณีทุพพลภาพ 8,750 บาทต่อเดือน
  • เงินสงเคราะห์กรณีเสียชีวิต 105,000 บาท
  • เงินทดแทนกรณีว่างงาน 8,750 บาทต่อเดือน
  • เงินบำนาญ สูงสุด 6,125 บาทต่อเดือน

ปี 2572-2574

  • ส่งเงินสมทบสูงสุด 1,000 บาทต่อเดือน
  • เงินทดแทนกรณีเจ็บป่วย 10,000 บาทต่อเดือน (333 บาทต่อวัน สูงสุด 180 วัน รวม 60,000 บาท)
  • เงินสงเคราะห์คลอดบุตร 30,000 บาทต่อครั้ง
  • เงินทดแทนกรณีทุพพลภาพ 10,000 บาทต่อเดือน
  • เงินสงเคราะห์กรณีเสียชีวิต 120,000 บาท
  • เงินทดแทนกรณีว่างงาน 10,000 บาทต่อเดือน
  • เงินบำนาญ สูงสุด 7,000 บาทต่อเดือน

ปี 2575 เป็นต้นไป

  • ส่งเงินสมทบสูงสุด 1,150 บาทต่อเดือน
  • เงินทดแทนกรณีเจ็บป่วย 11,500 บาทต่อเดือน (383 บาทต่อวัน สูงสุด 180 วัน รวม 69,000 บาท)
  • เงินสงเคราะห์คลอดบุตร 34,500 บาทต่อครั้ง
  • เงินทดแทนกรณีทุพพลภาพ 11,500 บาทต่อเดือน
  • เงินสงเคราะห์กรณีเสียชีวิต 138,000 บาท
  • เงินทดแทนกรณีว่างงาน 11,500 บาทต่อเดือน
  • เงินบำนาญ สูงสุด 8,050 บาทต่อเดือน

Contact to : xlf550402@gmail.com


Privacy Agreement

Copyright © boyuanhulian 2020 - 2023. All Right Reserved.