เอฟเฟ็กต์ยุบสภา “คนละครึ่ง พลัส เฟส 2-ช้อปช่วยชาติ-ลดหย่อนภาษี TISA” แท้ง รอรัฐบาลใหม่ตัดสินใจ เช่นเดียวกับการเจรจาภาษีสหรัฐ ส่วนโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน และสิทธิประโยชน์ในพื้นที่ EEC ที่ต้องเข้าครม.ต้องเลื่อนออกไป “KKP” ชี้เศรษฐกิจมีความเสี่ยงขาลง “CIMB” มองไทยเสียโอกาสการลงทุนระยะสั้น ลุ้นตั้งรัฐบาลได้เร็วไม่ลามกระทบงบฯ ฟาก “ศูนย์วิจัยกสิกรไทย”ห่วงเครดิตประเทศ ประเมินไตรมาสแรกปี 2569 การเติบโตเศรษฐกิจอาจติดลบ

จากการประกาศยุบสภา ทำให้เกิดสุญญากาศทางการบริหาร รวมถึงนโยบายและโครงการต่าง ๆ ที่ต้องเข้าพิจารณาใน ครม. หรือรัฐสภา ต้องหยุดชะงัก หรือติดเงื่อนไขรัฐบาลรักษาการ หลายฝ่ายมองว่าน่าจะมีผลกระทบต่อการพลิกฟื้นเศรษฐกิจ และส่งแรงสะเทือนไปถึงต้นปีหน้า

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ว่า การดำเนินนโยบายด้านเศรษฐกิจ หลังนายกรัฐมนตรีประกาศยุบสภา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องโครงการคนละครึ่ง พลัส เฟส 2 หรือการเจรจาภาษีและการค้ากับสหรัฐ ทั้งหมดนี้ต้องรอฟัง นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายกฎหมาย และคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่าทำได้หรือไม่ได้อย่างไร

ลดหย่อนภาษี TISA แท้ง

แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลังกล่าวว่า การยุบสภาทำให้โครงการบัญชีการออมการลงทุนส่วนบุคคล หรือ Thailand Individual Saving Account (TISA) สะดุด เนื่องจากรัฐบาลอยู่ในช่วงรักษาการ ทำให้โครงการที่เข้าลักษณะเป็นโครงการใหม่ที่ผูกพันไปถึงรัฐบาลหน้า ไม่สามารถดำเนินการได้ เช่นเดียวกับคนละครึ่ง พลัส เฟส 2

นับเป็นเรื่องที่น่าเสียดายสำหรับตลาดทุนและนักลงทุน เนื่องจากหากพิจารณาอย่างครบถ้วนแล้ว มาตรการดังกล่าวเป็นการเพิ่มสิทธิลดหย่อนที่กำลังทยอยลดลงด้วย เนื่องจากกองทุน Thai ESG จะหมดอายุลง โดยในปี 2570 จะเหลือลดหย่อนได้แค่ไม่เกิน 100,000 บาท เมื่อรวมกับ RMF ก็จะได้สูงสุดแค่ 600,000 บาท และปีถัดจากนั้นก็จะหมดไป เหลือแต่ RMF ที่ลดหย่อนได้ไม่เกิน 500,000 บาท แต่หากมี TISA จะลดหย่อนได้ 800,000 บาท เป็นการถาวร

“ถ้ามาตรการ TISA นี้ผ่าน ปีหน้าผู้ที่ลงทุนกองทุน Thai ESG ยังได้ลดหย่อนถึง 1.2 เท่าด้วย แถมยังสามารถลงทุนหุ้นรายตัว แล้วมาลดหย่อนภาษีได้ รวมถึงหากออมเพิ่มอีกปีละ 200,000 บาท จะได้รับการยกเว้นภาษีดอกเบี้ย, เงินปันผล และ Capital Gains อีกด้วย”

คนละครึ่ง-ช้อปช่วยชาติ สะดุด

ดร.พิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร กล่าวว่า การที่รัฐบาลยุบสภา ทำให้หลายโครงการที่คนมีความคาดหวังไม่เกิดขึ้น อย่างเช่น คนละครึ่ง เฟส 2 หรือช้อปช่วยชาติ/Easy e-Riceipt ขณะเดียวกัน หากเกิดเหตุการณ์ เช่น น้ำท่วม หรือภัยพิบัติอื่น ๆ การใช้งบฯกลางก็อาจจะสะดุด รวมถึงการจัดทำงบประมาณปี 2570 ก็มีโอกาสล่าช้าราว 1 เดือน

“ตรงนี้จะเป็นปัญหาเหมือนกัน เพราะทุกคนคาดหวังไว้แล้ว บางคนก็อั้นการใช้จ่ายไว้ด้วย แล้วถ้าเกิดน้ำท่วมหรืออะไรขึ้นมา งบฯกลางอาจจะสะดุด รวมถึงมีโอกาสที่งบประมาณปี 2570 จะล่าช้า ซึ่งปกติงบฯต้องเสร็จตั้งแต่เดือน เม.ย. โดย ครม.ต้องอนุมัติช่วง เม.ย.-พ.ค. แต่นี่ก็ไม่รู้ว่าตอนนั้นจะมีรัฐบาลใหม่หรือยัง”

ดร.พิพัฒน์กล่าวว่า ครม.รักษาการจะอนุมัติโครงการใหม่ ๆ อะไรไม่ได้ รวมถึงโครงการที่จะไปผูกพันถึงรัฐบาลหน้า ดังนั้น อาจทำให้การตอบสนองต่อสถานการณ์ต่าง ๆ ล่าช้า อย่างไรก็ดี ในมุมผลกระทบต่อการขยายตัวทางด้านเศรษฐกิจ (GDP) คงยังไม่ได้กระทบ แต่ยอมรับว่าประเมินยาก แต่แน่นอนว่าการยุบสภา กลายเป็นรัฐบาลรักษาการ จะเพิ่มความเสี่ยง “ขาลง” ให้กับเศรษฐกิจ

รถไฟ 3 สนามบิน-EEC ดองยาว

นายจุฬา สุขมานพ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ. หรือ EEC) เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า เรื่องที่ต้องเข้า ครม. จะมีโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน สิทธิประโยชน์ในพื้นที่ EEC แน่นอนว่าต้องรอ ครม.ชุดใหม่ ทำให้ทั้ง 2 เรื่องนี้ต้องล่าช้าออกไปอีก จากเดิมจะมีการนำสิทธิประโยชน์จากโครงการของนักลงทุนเข้าพิจารณา 5-6 รายก็ต้องชะงัก รวมถึงเรื่องประกาศเขตส่งเสริมกิจการพิเศษเช่นกัน

“เรามีเรื่องเสนอให้ ครม.รับทราบ ต้องเช็กก่อนว่าจะเสนอใน ครม.รักษาการ เพื่อรับทราบได้หรือไม่ แต่แน่นอนว่าตัวโครงการไฮสปีดเทรน ยังไงก็ต้องข้ามไปปี 2569 เพราะเอกสารยังไม่พร้อม ส่วนเรื่องศูนย์ซ่อมบำรุงชิ้นส่วนอากาศยาน (MRO) เรื่องนี้เราไม่ต้องเข้า ครม.”

จับตา Quick Big Win

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รมว.พาณิชย์ แถลงผลการดำเนิน 7 นโยบาย Quick Big Win ของกระทรวงพาณิชย์ ในช่วงการทำงาน 2 เดือนที่ผ่านมา “การกระตุ้นสั้น ได้ผลยาว กระจายตัว สร้างรากฐานให้ประเทศ” ซึ่งสอดรับกับ 5 เสาหลักทางเศรษฐกิจของรัฐบาล

อย่างไรก็ตาม หลังจากยุบสภาต้องติดตามว่า นโยบาย Quick Big Win จะสามารถเดินหน้าได้อย่างไรได้บ้าง เช่น การดูแลค่าครองชีพประชาชน การรักษาเสถียรภาพทางการเกษตร การเสริมแกร่งให้กับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี การดูแลเศรษฐกิจชายแดนไทย-กัมพูชา การรับมือภาษีสหรัฐ การเจรจาข้อตกลงเขตการค้าเสรี (FTA) และการพัฒนาเทคโนโลยีการให้บริการ ปรับปรุงกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง

ส่วนของการเจรจาขายข้าว จีทูจี กับจีน ปริมาณ 2.8 แสนตัน คาดว่ากระทรวงพาณิชย์ยังเดินหน้าต่อไปได้ ตามกรอบและแนวทางปฏิบัติที่วางไว้

CIMB เผยความเสี่ยงของไทย

ดร.อมรเทพ จาวะลา Head, Research Office ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สำนักวิจัย ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย (CIMB T) กล่าวว่า การประกาศยุบสภา ผลกระทบต่อเศรษฐกิจคงไม่ได้มีมากนัก เนื่องจากเป็นการประกาศก่อนไทม์ไลน์ที่วางไว้เดิม โดยเลื่อนเวลายุบสภาเร็วขึ้น 1 เดือน และสลายความไม่ชัดเจน

อย่างไรก็ดี การประกาศยุบสภามาในช่วงจังหวะที่มีความเสี่ยงเศรษฐกิจค่อนข้างมาก เช่น การดูแลพื้นที่น้ำท่วมภาคใต้ สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา กำลังซื้ออ่อนแอ และการเจรจานโยบายภาษีสินค้านำเข้าสหรัฐ (Reciprocal Tariffs) เป็นต้น ดังนั้นจึงมองว่าการยุบสภามีทั้งปัจจัยลบ และปัจจัยบวกต่อเศรษฐกิจและนโยบายเศรษฐกิจในปี 2569

ขาดกำลังซื้อ-เชื่อมั่น ตปท.หด

ดร.อมรเทพกล่าวอีกว่า ปัจจัยลบที่เห็นชัดเจน ได้แก่ 1.ขาดมาตรการกำลังซื้อ เนื่องจากมาตรการคนละครึ่งพลัส เฟส 2, มาตรการลดหย่อนภาษี รวมถึงมาตรการความเชื่อมั่นทั้งหลาย และโครงการลงทุนใหม่จะชะลอ ซึ่งจะกระทบเศรษฐกิจในช่วงต้นปี 2569 และ 2.ความเชื่อมั่นนักลงทุนต่างชาติ หรือการลงทุนโดยตรงจากต่างชาติ (FDI) อาจจะชะลอตัวรอดูสถานการณ์ อย่างน้อย 1-2 เดือน แม้ว่านักลงทุนต่างชาติที่คุ้นเคยกับไทยอาจจะไม่ได้มองจุดนี้ แต่ก็อาจจะชะลอไป ทำให้ไทยเสียโอกาสการลงทุนระยะสั้น

และ 3.การเจรจาภาษี Tariffs กับสหรัฐ อาจจะโดนระงับชั่วคราว เพื่อรอรัฐบาลชุดใหม่ แต่เชื่อว่าข้าราชการหลังบ้านยังคงทำงานต่อเนื่อง แต่ต้องรอผู้มีอำนาจทางการเมืองในการดำเนินการ ซึ่งอาจจะกระทบการค้าและการส่งออกในปี 2569 เล็กน้อย

จับตาการฟอร์มรัฐบาลใหม่

หากมองไปข้างหน้าในปี 2569 จะมี 2-3 ประเด็นที่เป็นบวก คือ 1.ไม่กระทบปีงบประมาณปี 2570 หากรัฐบาลสามารถฟอร์มได้ไตรมาส 2/2569 และงบประมาณสามารถผลักดันได้ในไตรมาสที่ 3/2569 ทำให้ความล่าช้าของงบประมาณสามารถสบายใจ 2.รัฐบาลสามารถเจรจาภาษีสหรัฐรอบใหม่ได้เร็วขึ้น และ 3.เดิมมองเศรษฐกิจจะมีความเสี่ยงในครึ่งแรกของปี 2569 แต่หลังยุบสภาทำให้มีการเลือกตั้งไตรมาสที่ 1/2569 ทำให้งบประมาณมาได้เร็วและขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้เร็ว

“สิ่งที่ต้องเตือน คือ ความมั่นใจ หลังจากนี้การฟอร์มรัฐบาลจะเป็นจุดสำคัญ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นกลับมา และเดือนนี้มีการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน 17 ธ.ค.นี้ การยุบสภาจะเป็นแรงหนุนให้ลดดอกเบี้ยมากขึ้น และเชื่อว่ามาตรการทางการเงินที่ดำเนินมาจะมีผลและหนุนเศรษฐกิจได้”

วิจัยกสิกรไทยห่วงเครดิตประเทศ

นายบุรินทร์ อดุลวัฒนะ กรรมการผู้จัดการ และ Chief Economist บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า การประกาศยุบสภาจะมีผลกระทบต่อนโยบายระยะสั้น เช่น นโยบายคนละครึ่งพลัส เฟส 2 และงบฯกลางที่เหลืออาจจะต้องหยุดไปก่อน และเรื่องการลงทุนจากต่างประเทศที่อาจจะชะลอตัว เพื่อรอดูสถานการณ์ความชัดเจนของรัฐบาลว่านโยบายทางด้านการลงทุนจะเปลี่ยนไปหรือไม่ อาทิ Fast Pass จะยังใช้ได้หรือไม่ หากล่าช้าจะมีผลกระทบได้

สิ่งที่กังวลคือ นโยบายระยะกลาง ในช่วงสุญญากาศที่มีความเสี่ยงจากสงคราม ทำให้การเลือกตั้งไม่สามารถทำได้ ทำให้ในช่วงครึ่งแรกของปี 2569 งบประมาณถูกกระทบได้ รวมถึงความเชื่อมั่นจากบริษัทจัดอันดับเรตติ้ง (Rating Agency) จะมองไทยไม่มีเสถียรภาพทางการเมือง และแผนการขาดดุลงบประมาณปีละ 3% จะสามารถทำได้ตามแผนหรือไม่ ซึ่งกระทบต่อเพดานหนี้สาธารณะและการจัดเก็บรายได้ หากมีการเปลี่ยนรัฐบาล ความไม่ต่อเนื่องของนโยบายจะมีผลต่อการปรับลดมุมมองเศรษฐกิจไทยในระยะกลางและระยะยาว

ประเมิน Q1 เติบโตติดลบ

ในระหว่างช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2568 เป็นช่วงหลังเลือกตั้ง จะต้องดูว่ารัฐบาลชุดใหม่หน้าตาเป็นอย่างไร หากเป็นรัฐบาลผสมการดำเนินนโยบายจะติดขัดและสะดุดได้ จึงมองว่าในช่วงไตรมาสที่ 1/2569 จะเห็นเศรษฐกิจซึม เพราะถือเป็นช่วงสุญญากาศในการเลือกตั้ง และกรณีหากมีสงครามทำให้ไม่สามารถเลือกตั้งได้ จึงต้องจับตาดูหลังจากการเลือกตั้ง

“ผลต่อจีดีพีปี’69 คงกระทบไม่มาก เพราะเป็นการเลื่อนการยุบสภาเร็วขึ้น 1 เดือน หรือ 1 เดือนครึ่ง แต่นโยบายระยะสั้นอาจจะสะดุดไป ทำให้ภาพรวมเศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 1/69 น่าจะมีโอกาสติดลบ จากเดิมที่มองว่าแย่อยู่แล้วจากภาคการส่งออกที่แผ่วลงอยู่แล้ว โดยมองการยุบสภาทำให้จีดีพีไตรมาสที่ 1/69 หดตัว -0.1% แต่เชื่อว่าการเติบโตจะไปโผล่ได้ในไตรมาสที่ 3 และ 4/69”

Contact to : xlf550402@gmail.com


Privacy Agreement

Copyright © boyuanhulian 2020 - 2023. All Right Reserved.