เมื่อวันที่ 26 เม.ย. ที่ผ่านมา “บิ๊กเอ” ผศ.พิมล ศรีวิกรม์ นายกสมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทย เป็นประธานการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2568 ที่โรงแรมเดอะ แกรนด์ โฟร์วิงส์ คอนเวนชั่น สรุปสาระสำคัญ ดังนี้ สมาคมฯ สรุปงบดุลประจำปี 2567 รายรับ 92,304,680.80 บาท รายจ่าย 89,004,126.99 บาท รายรับมากกว่ารายจ่าย 3,301,583.09 บาท

ผศ.พิมล กล่าวว่า แผนงานของปี 2568 ถ้ามีงบประมาณมากขึ้น ก็จะจัดกิจกรรมให้มากขึ้น โดยให้โค้ชทีมชาติไปช่วยในการอบรมโค้ชและเจ้าหน้าที่ให้มากขึ้น และส่งแข่งมากขึ้นในรายการต่าง ๆ ที่ไม่ค่อยไปแข่งขัน นอกจากนี้ ยังส่งแข่งประเภทพุมเซ่ (ท่ารำ) ให้ได้มากขึ้น เนื่องจากในอนาคตจะมีการบรรจุพุมเซ่ในทัวร์นาเมนต์ใหญ่ ๆ จึงต้องเตรียมนักกีฬาไทยเอาไว้ก่อน

สำหรับปีนี้จะมี 2 รายการใหญ่ที่สมาคมฯ จะต้องจัด คือ การเป็นเจ้าภาพรายการ “เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ ชาลเลนจ์” ที่อินดอร์ สเตเดียม หัวหมาก ในเดือน พ.ย. นี้ ซึ่งเป็นรายการใหญ่ที่เอานักกีฬาระดับโลกมาเจอกัน จอมเตะไทย จะแสดงศักยภาพและเก็บประสบการณ์ และเป็นการรับหน้าที่การแข่งขันระดับนานาชาติในรอบหลายปีของสมาคมฯ ด้วย จากนั้นจะเป็นศึกซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ในเดือน ธ.ค. จัดขึ้นที่ศูนย์การค้าแฟชั่น ไอส์แลนด์ ซึ่งตั้งเป้าจะเป็นเจ้าเหรียญทองให้ได้เหมือนเดิม

นายกเทควันโดไทย กล่าวอีกว่า การหาตัวแทนของ “เทนนิส” พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ ฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิกเกมส์ 2 สมัย ที่ประกาศเลิกเล่นไปนั้น ยอมรับว่ากดดันมาก เพราะไม่ใช่เรื่องง่าย พาณิภัค เป็นนักกีฬาที่ครบเครื่องมาก แต่เราก็จะทำงานกันหนักกันต่อไป โอลิมปิกเกมส์ในอนาคต เทควันโดไทย ยังมีเหรียญแน่นอน แต่จะเป็นเหรียญอะไร ก็ต้องฝึกฝนและพัฒนานักกีฬากันอย่างจริงจังต่อไป

ผศ.พิมล ในฐานะประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ กล่าวว่า จะเข้าพบ นายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เพื่อหารือเรื่องการเพิ่มเบี้ยเลี้ยงให้กับนักกีฬาทีมชาติ จากเดิมที่รับอยู่ค่าอาหาร 300 บาท เบี้ยเลี้ยง 300 บาท และค่าที่พัก 300 บาท ซึ่งรับรวม 900 บาทต่อวัน มาแล้ว 15 ปี ซึ่งปัจจุบันค่าครองชีพเพิ่มขึ้นมากแล้ว ดังนั้นจึงควรต้องเพิ่มให้มากขึ้น เพื่อคุณภาพชีวิตของนักกีฬาที่จะดีขึ้น รวมทั้งการเพิ่มเงินรางวัลในมหกรรมนานาชาติต่าง ๆ ด้วย แต่ก็ต้องมีตรรกะและเหตุผลมารองรับอย่างเหมาะสมด้วย.