ย้อนผลงาน ‘สายสะพายไทย’ 57 ปี บนเวที ‘มิสเวิลด์’ ที่กว่าจะมีมงฟ้า
ปฏิเสธไม่ได้ว่าในด้านการประชันความงามบนเวทีโลก ประเทศไทยไม่แพ้ชาติใดแน่นอน หากพลิกดูหน้าประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา เรามีทำเนียบสาวงามที่คว้ามงกุฏ และสามารถเข้ารอบลึกมาหลายต่อหลายเวที กลายเป็นอีกหนึ่งประเทศที่ “สายสะพายแข็ง” ที่สุด เพราะไม่ว่าจะเวทีเล็กหรือใหญ่ หากมีรายนามประเทศไทย ก็มักจะเข้ารอบลึก หรือไม่ก็คว้ารางวัลพิเศษติดมือกลับบ้านเสมอ
ครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน ที่เราจะปลุกดีเอ็นเอความรักชาติอีกครั้ง และตอกย้ำความแกร่งของสายสะพายไทย กับการส่งเสียงเชียร์ “โอปอล สุชาตา ช่วงศรี” ตัวแทนสาวไทย ที่เดินทางไปปฏิบัติภารกิจพิชิตมงฟ้า บนเวที “มิสเวิลด์ 2025” ณ ประเทศอินเดีย
ซึ่งที่ผ่านมา แม้มงจะลงประเทศไทยหลายเวทีก็ตาม อย่าง มิสซูปร้าเนชั่นแนล, มิสอินเตอร์เนชั่นแนล หรือ มิสยูนิเวิร์ส ที่วินถึงสองครั้ง ครั้งแรกในปีของ “ปุ๊ก อาภัสรา หงสกุล” และครั้งถัดมาในยุค “ปุ๋ย ภรณ์ทิพย์ นาคหิรัญกนก” จนถึงปัจจุบัน ประเทศไทยยังคงขมักเขม้น ส่งออกนางงามเพื่อคว้ามง 3 แต่ก็ยังไม่ประสบผลสำเร็จ ซึ่งคงต้องรอลุ้นกันอีกครั้งในปีนี้
แต่ถึงอย่างนั้น บนเวทีมิสเวิลด์ที่มีการจัดประกวดมาแล้วถึง 72 ครั้ง ประเทศไทยยังไม่เคยเดินไปถึงมงกุฏเลย ไม่ว่าจะส่งลูกครึ่ง สาวไทยแท้ สายสปีช สายเพอร์ฟอร์แมนซ์ หรือแม้กระทั่งสายวิชาการ ก็ยังไม่สามารถจับใจจู (จูเลีย มอร์ลีย์) ได้เสียที แต่ท้ายที่สุดแล้ว ถึงจะไม่สมหวัง ก็ใช่ว่าผลงานจะไม่เป็นที่ประจักษ์เสียทีเดียว เพราะที่ผ่านมาในประวัติศาสตร์การประกวดมิสเวิลด์นั้น ประเทศไทยสามารถทะลุเข้ารอบลึกได้ถึง 9 ครั้ง โดยไปได้ไกลที่สุดคือ ตำแหน่งรองชนะเลิศอันดับ 1 ในปี 2018
แต่ในวันนี้ ประวัติศาสตร์หน้าใหม่ได้เกิดขึ้นแล้ว มงฟ้าที่คนไทยตามหามากว่า 57 ปี วันนี้ความพยามสัมฤทธิ์ผล เป็นวันที่ธงชาติไทยโบกสะบัดสู่สายตาชาวโลกอีกครั้ง บนเวที ‘มิสเวิลด์ 2025’ กับตัวแทนสายสะพายไทย ที่ไม่ทำให้คนไทยผิดหวัง สร้างตำนาน คว้ามงฟ้ามงแรกให้กับประเทศไทยมาในรอบ 57 ปี ได้สำเร็จ หลังจากพิธีกรประกาศชื่อ “โอปอล สุชาตา ช่วงศรี” เป็นผู้ชนะในการประกวด มิสเวิลด์ 2025 ณ ประเทศอินเดีย
สำหรับการประกวดมิสเวิลด์นั้นก่อตั้งขึ้นในสหราชอาณาจักร โดย เอริก มอร์ลีย์ ในปี ค.ศ. 1951 หลังจากที่เอริก มอร์ลีย์เสียชีวิตลงในปี ค.ศ. 2000 จูเลีย มอร์ลีย์ หรือ ป้าจู ฉายาที่แฟนชาวไทยใช้ขนานนาม ภรรยาของเอริก ได้ขึ้นมาเป็นประธานของการประกวดมิสเวิลด์จนถึงปัจจุบัน
โดยสาวงามที่เปิดประตูเข้าบ้านมิสเวิลด์เป็นคนแรก คือ “พินนะรัฐ ทนันไชย” รองชนะเลิศอันดับ 4 นางสาวไทยปีประจำปี 2510 ที่เป็นตัวแทนเดินทางไปประกวดเวทีมิสเวิลด์ในปี ค.ศ. 1968 โดยเธอเป็นสาวงามคนแรกของไทยในการเข้าร่วมประกวดในเวทีนี้ และสามารถทะลุเข้าสู่รอบ 15 คนสุดท้าย
หลังจากนั้นอีก 3 ปี “จินตนา จิตโสภณ” ก็เข้าสู่รอบ 15 คนสุดท้ายอีกครั้ง ในปี 1972 แต่หลังจากนั้นตัวแทนสาวไทยก็ไม่เคยเข้ารอบอีกเลย ยาวมาถึงปี 1989 ซึ่งเป็นปีที่เรียกได้ว่า “เข้าใกล้มงกุฏมากที่สุด” โดยตัวแทนสาวไทยในขณะนั้นคือ “เฮเลน ปทุมรัตน์ วรมาลี” อดีตนางแบบชื่อดังของไทย ที่คว้าตำแหน่งรองชนะเลิศอันดับ 2 มาครอง พ่วงด้วยตำแหน่ง Continental Queen of Asia หรือที่แฟนนางงามรู้จักกันในชื่อของ “ราชินีแห่งเอเชีย”
แม้เฮเลนจะทำผลงานไว้อย่างดีเยี่ยม แต่หลังจากปีนั้น ประเทศไทยก็พลาดการเข้ารอบมาเรื่อย ๆ จนเดินทางมาถึงปี 1997 “ธัญญา สื่อสันติสุข” ตัวแทนมิสไทยแลนด์เวิลด์ 1997 ที่ทำให้ตัวแทนไทยผงาดขึ้นมาอีกครั้งด้วยการเข้ารอบ 5 คนสุดท้าย มิสเวิลด์ 1997 อีกทั้งยังได้รับตำแหน่งนางงามบุคคลิกภาพดีเด่นในปีนั้นอีกด้วย
การประกวดยังดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ กระทั่งเข้าสู่ปี 2010 ประเทศไทยส่ง “หนู สิริรัตน เรืองศรี” สาวสวยวัย 22 ปี ดีกรีนักศึกษาคณะนิติศาสตร์ ที่มีทั้งความฉลาด และโปรไฟล์ในด้านการประกวดนางามเป็นเลิศ เธอมีทั้งตำแหน่ง รองอันดับ 2 Asia Super Model 2551, รางวัล Proflex perfect idol ประจำปี 2552 และตำแหน่ง Brand Ambassador สุขภาพดี 3G ซึ่งในปีนั้นเธอเข้าสู่รอบ 25 คนสุดท้าย หลังจากที่ไทยหลุดโผมากว่า 10 ปี
ถัดมาอีก 1 ปี “จูลี่ พัชริดา รอดคงคา” สาวลูกครึ่งไทย-อังกฤษ ที่มีประสบการณ์ด้านการประกวดนางงาม และวงการบันเทิงเท่ากับศูนย์ แต่ชนะใจกรรมการ คว้าตั๋วชิงมงกุฏมิสเวิลด์ในปี 2011 และไปได้ไกลที่สุดคือรอบ 30 คนสุดท้าย
จากนั้นในปี 2014 ประเทศไทยแก้เกม หลังจากที่ตัวแทนไทยไม่เข้ารอบไฟนัลลิสต์อีกเลย นับตั้งแต่ปี 1997 ในปีนั้น “เมญ่า นนธวรรณ ทองเหล็ง” นางแบบ นักร้อง และนักแสดง ที่เคยฝากผลงานการแสดงไว้หลายเรื่อง อาทิ สาวน้อยร้อยล้าน ที่เข้ามาเติมเชื้อเพลิแห่งความหวังให้กับคนไทยอีกครั้ง โดยการเข้ารอบ 11 คนสุดท้าย มิสเวิลด์ 2014 พร้อมตำแหน่ง Winner People Choice หลังจากนั้นในปี 2016 “ไดร์ จิณณ์ณิตา บุดดี” ก็เป็นตัวแทนไทยอีกหนึ่งคนที่เข้าไปยืนเป็น 20 คนสุดท้าย แม้จะยังไปไม่ถึงรอบไฟนัลลิสต์ก็ตาม
กระทั่งปี 2018 ปีที่แฟน ๆ นางงามได้เฮดังลั่นที่สุด หลังจากรอมานานถึง 21 ปี ในที่สุด “นิโคลีน พิชาภา ลิมศนุกาญจน์” นางงามลูกครึ่งไทย จีน อเมริกัน ก็ปรากฏตัวมาเป็นไพ่ใบสำคัญของไทย เธอมาพร้อมกับเรซูเม่สุดโหด ทั้งประวัติการศึกษา หรือรางวัลที่ได้จากการประกวดยาวเฟื้อย อีกทั้งยังทำโครงการเพื่อสังคม “Love for All” ที่อยากส่งเสริมให้คนในสังคมยอมรับและเข้าใจผู้ป่วยออทิสติก พร้อมทั้งช่วยสร้างพลังความสามารถและความเชื่อมั่น โดยในปีนั้นเธอได้พาสายสะพายไทยไปได้ไกลถึงรอบจับมือ แต่สุดท้ายเธอทำดีที่สุดแล้วสามารถคว้า รองชนะเลิศอันดับ 1 มิสเวิลด์ 2018 พร้อมตำแหน่ง Continental Queen of Asia และ Winner Global Vote มาครอง
เรียกได้ว่ากว่าจะจับใจจู ประเทศไทยก็ผ่านอะไรมามากมาย ทั้งสุข เศร้า เคล้าน้ำตา แม้ภารกิจพิชิตมงฟ้ากว่าครึ่งศตวรรษนี้จะยังไม่สำเร็จ แต่ในเมื่อแฟนนางงามไม่ท้อ คนส่งออกก็ไม่ทิ้ง และความพยายามก็เป็นอันสำเร็จ
เขียนตำนานบทใหม่ลงในหน้าประวัติศาสตร์ไทย จดปลายปากกา บันทึกเหตุการณ์ครั้งสำคัญนี้อย่างสวยงามว่า ‘โอปอล สุชาตา ช่วงศรี’ มิสเวิลด์ 2025 คนแรกของประเทศไทย และควีนทวีปเอเชีย
Contact to : xlf550402@gmail.com
Copyright © boyuanhulian 2020 - 2023. All Right Reserved.