ภาษีทรัมป์กระแทกกำลังซื้ออสังหาฯ “ประเสริฐ” นายกคอนโดฯชี้เทรนด์ครึ่งปีหลังต้องรัดเข็มขัด กำเงินสด รับมือภาวะฮาร์ดแลนดิ้ง รายกลาง-เล็กเร่งออกหุ้นกู้แจกดอกเบี้ย 6-7% แสนสิริจุดพลุดัมพ์โปรโมชั่นระบายสต๊อกบ้าน-คอนโดฯ ขน 110 โครงการ ลด 5 ล้าน ศุภาลัยช่วยผ่อน 36 เดือน แข่งกิมมิกทำโปรฯ ชิงกำลังซื้อช่วงวีกเอนด์เสาร์-อาทิตย์ สัมมากรลดสูงสุด 9 ล้าน ลลิลฯขนบ้าน 2-10 ล้าน ลด 3 แสน AREA เผยเทรนด์ปี 2568 ภาพรวมยอดเปิดโครงการใหม่ต่ำสุดรอบ 20 ปี
เมื่อเวลา 04.30 น. ของวันที่ 8 กรกฎาคม 2568 ตามเวลาประเทศไทย ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา ได้โพสต์ข้อความในโซเชียลมีเดีย Donald Trump สาระสำคัญยืนอัตราภาษีศุลากรสินค้านำเข้าสหรัฐ จากประเทศไทยที่อัตรา 36% ซึ่งจะบังคับจัดเก็บในวันที่ 1 สิงหาคมนี้ สร้างแรงกระเพื่อมอย่างหนักให้กับภาคธุรกิจส่งออกและธุรกิจเกี่ยวเนื่องของไทยเป็นอย่างมาก และเป็นปัจจัยกดดันล่าสุดที่มีต่อวงการธุรกิจที่อยู่อาศัยโดยอัตโนมัติ ทำให้เทรนด์ครึ่งปีหลัง 2568 มีการประเมินว่าเป็นช่วงยากลำบากของผู้ประกอบการอีกครั้งหนึ่ง แนวทางรับมือจำเป็นต้องเข้าสู่โหมดรัดเข็มขัดองค์กร บริหารจัดการสภาพคล่องเพื่อให้มีกระแสเงินสดในมือให้มากที่สุด การปรับตัวทั้งหมดนี้เพื่อรองรับภาวะฮาร์ดแลนดิ้งของกำลังซื้อที่คาดว่าจะหดตัวรุนแรงจากผลกระทบภาษีทรัมป์
นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต นายกสมาคมอาคารชุดไทย เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ทรัมป์อิมแพ็กต์มองระยะยาวผลกระทบหนักสุดจะเกิดกับการลงทุนของบริษัทอเมริกันที่ลงทุนในไทย แนวโน้มจะทำให้การขาดดุลการค้าของสหรัฐ-ไทยลดลงฮวบฮาบได้ กลุ่มสินค้าที่ต้องจับตามองไปที่สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่มีนักลงทุนต่างประเทศตั้งโรงงานในไทยแล้วส่งออกไปสหรัฐ และเป็นยอดส่งออกที่ทำให้ไทยเกินดุลการค้ากับสหรัฐ อย่างน้อยที่สุด ภาษีทรัมป์ในรอบนี้ประเมินว่าจะเป็นการปรับโครงสร้างการผลิตที่ใช้ไทยเป็นฐานการผลิตในยุคดั้งเดิมตั้งแต่ยุคก่อตั้งอีสเทิร์นซีบอร์ด จนถึงปัจจุบันให้เปลี่ยนแปลงจากเดิม
โดยผลกระทบภาษีทรัมป์ได้มีการประเมินแบบ Worst Case ล่วงหน้าตั้งแต่ 3 เดือนที่แล้ว เมื่อไทยไม่สามารถเจรจาอัตราภาษีลดลงจาก 36% ได้ ถือว่าไม่ได้เซอร์ไพรส์มากขึ้นหรือน้อยลง โดยการปรับตัวเพื่อรับมือปัจจัยลบทางด้านเศรษฐกิจต้องตั้งการ์ดสูงสุด เพราะประเมินว่าเป็น The Great Perfect Storm จากการมีปัจจัยลบนานาประการรุมเร้าสั่งสม ตั้งแต่ยุคโควิด สงคราม แผ่นดินไหว การเมืองภายในเปราะบาง ล่าสุดกับภาษีทรัมป์ ผู้ประกอบการจำเป็นต้องบริหารจัดการค่าใช้จ่ายหรือรัดเข็มขัดองค์กร เน้นกำเงินสดหรือสร้างสภาพคล่องที่ปลอดภัย เพื่อรองรับแรงกระทกจากภาวะฮาร์ดแลนดิ้งของกำลังซื้อในช่วงครึ่งปีหลัง
“ก่อนหน้านี้ที่อยู่ระหว่างเจรจาไทยตั้งความหวังจะมีอัตราภาษี 18-20% เท่าเวียดนามก็ยังดี แต่ในเมื่อภาษีออกมาเท่าเดิมที่ 36% ผลกระทบย่อมมากกว่า หนักกว่าเดิม มองข้ามชอตในปี 2569 มีโอกาสที่ผลกระทบจะยกระดับเป็น The Greatest Perfect Storm การตั้งรับต้องทำทุกระดับตั้งแต่รายใหญ่-กลาง-เล็ก ภาพของประเทศต้องคิดและทำเรื่องปรับโครงสร้างไทยครั้งใหญ่ เช่น การปรับโครงสร้างการจัดเก็บภาษีผู้ซื้ออสังหาฯชาวต่างชาติ เพราะฉะนั้น รัดเข็มขัดกำเงินสดรับมือฮาร์ดแลนดิ้งอาจไม่พอ อาจจำเป็นจะต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อจองเก้าอี้ A11 หมายถึงเก้าอี้ที่ปลอดภัยที่สุดในการทำธุรกิจ (แอร์อินเดียตก แต่มีผู้รอดชีวิตคนเดียวจากที่นั่ง A11)”
นายประเสริฐกล่าวด้วยว่า อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าวิกฤตเศรษฐกิจจะหนักหนาสาหัสแค่ไหน แต่คนทั้งโลกยังต้องกินอาหาร ทำให้ไทยมีจุดปรับตัวที่ถือว่าได้เปรียบคนอื่นเพราะเราเป็นประเทศอู่ข้าวอู่น้ำของโลก ขณะที่ในภาคอสังหาริมทรัพย์มองแบบเหรียญสองด้าน กลุ่มกำลังซื้อระดับไฮเอนด์ที่มีศักยภาพสูงของโลก เชื่อว่ายังมีดีมานด์อยากมาซื้อที่อยู่อาศัยในไทย เพราะประเทศเราเป็นเมืองน่าอยู่ของโลก อาหารการกินอร่อย ผู้คนเป็นมิตร โรงเรียนนานาชาติมีจำนวนมาก มีอินฟราสตรักเจอร์ที่ดีในการใช้ชีวิตได้อย่างสะดวกสบาย และราคาไม่แพงเมื่อเทียบกับเมืองอสังหาฯอื่น ๆ ในโลก โดยกลุ่มราคา 20 ล้านบาทขึ้นไปยังมีสภาพซื้อง่ายขายคล่อง ส่วนกลุ่มต่ำกว่า 20 ล้านบาทก็ยังมีกำลังซื้อระดับบนมารองรับจากลูกค้าคนไทยและต่างชาติที่ทำงานในไทย
ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส หรือ AREA เปิดเผยว่า สถานการณ์แผ่นดินไหววันที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมา ช็อกวงการอสังหาฯในเดือนเมษายน แต่ผ่านมาเดือนเดียวในเดือนพฤษภาคม ยอดเปิดตัวโครงการใหม่ทั้งบ้านและคอนโดมิเนียม กลับมาฟื้นตัวได้มากถึง 180% โดยอสังหาริมทรัพย์ที่เกิดขึ้นใหม่ในเดือนพฤษภาคม 2568 มีทั้งหมด 1,927 หน่วย เพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายนที่มีจำนวน 688 หน่วย หรือเพิ่มขึ้น 1,239 หน่วย เพิ่มขึ้น 180.1%
ในด้านเซ็กเมนต์กำลังซื้อพบว่า กลุ่มสินค้าบ้านหรูราคา 10-20 ล้านบาท มีการเปิดตัวมากสุด จำนวน 517 หน่วย สัดส่วน 27.2% มีมูลค่าโครงการ 7,650 ล้านบาท สัดส่วน 24.9% ของตลาดรวม โดยผู้เล่นหลักยังเป็นบิ๊กแบรนด์รายใหญ่ ได้แก่ บมจ.เอพี (ไทยแลนด์), บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท, บมจ.แสนสิริ, บมจ.เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น, บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ และ บมจ.พีซแอนด์ลีฟวิ่ง
ดร.โสภณระบุว่า จากการประมวลข้อมูลทั้งหมดและคาดการณ์ถึงสิ้นปี 2568 มีความเป็นไปได้ที่จำนวนหน่วยขายที่เปิดในปี 2568 จะลดลงกว่าแต่ก่อน โดยคาดว่าจะมีเพียง 40,000 หน่วย จาก 62,000 หน่วย หรือลดลง -35.48% ต่ำสุดในรอบ 20 ปี
ส่วนมูลค่าการพัฒนาคาดว่าจะลดลง -29% หรือน่าจะเปิดใหม่ในมูลค่าลดลงเหลือเพียง 300,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม หากมีการเปิดตัวสินค้าราคาถูกที่ได้รับการส่งเสริมจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (ที่อยู่อาศัยราคาไม่เกิน 5 ล้านบาท) ก็คงทำให้จำนวนและมูลค่าหน่วยเปิดใหม่สูงกว่าที่คาดการณ์นี้
เกมของรายใหญ่เป็นการลากยาวแคมเปญนานข้ามเดือน โดยนายอุทัย อุทัยแสงสุข กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แสนสิริกระตุ้นดีมานด์ไตรมาส 3/68 ปรับกลยุทธ์การตลาดด้วยโปรโมชั่นใหม่แรงที่สุดในรอบปี “ได้ทุกอย่าง ! สูงสุด 36 เดือน” ฟรี กิน-อยู่-ผ่อน ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาที่ภาวะตลาดเอื้อต่อผู้ซื้อมากที่สุดในรอบหลายปี จากมาตรการรัฐทั้งลดค่าโอน-จำนองจาก 3% เหลือ 0.01% มาตรการปลดล็อก LTV ให้ขอสินเชื่อ 100% บ้านทุกหลังทุกราคา รวมทั้งอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับที่เข้าถึงได้
โดยแสนสิรินำโครงการพร้อมอยู่ ทั้งบ้าน คอนโดมิเนียม และทาวน์โฮม 110 โครงการ ในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด ราคาเริ่ม 7 แสน-40 ล้านบาท แบ่งเป็นบ้านและทาวน์โฮม 73 โครงการ คอนโดฯ 37 โครงการ มอบข้อเสนอพิเศษ อาทิ เศรษฐสิริ ราชพฤกษ์-สาย 1 บ้านเดี่ยวดีไซน์ รับส่วนลดสูงสุด 5 ล้านบาท ผ่อนให้สูงสุด 36 เดือน ราคาเริ่มต้น 25-45 ล้านบาท, แคนวาส เชิงทะเล คอนโดฯตากอากาศที่ภูเก็ต ให้ลูกค้าหยุดผ่อนสูงสุด 6 เดือน ตกแต่งครบ ดูแลปล่อยเช่าฟรี 1 ปี ราคาเริ่มต้น 8.9 ล้าน ฯลฯ
เงื่อนไข แคมเปญ “ได้ทุกอย่าง” สูงสุด 36 เดือน* ฟรี ! กิน-อยู่-ผ่อน สำหรับลูกค้าที่จองซื้อและโอนวันนี้-31 สิงหาคม 2568
นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เทรนด์ครึ่งปีหลัง 2568 ยังคงเผชิญความท้าทายทั้งจากเศรษฐกิจชะลอตัว หนี้ครัวเรือนระดับสูง ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ยังไม่ฟื้นเต็มที่ แต่ก็ยังมีดีมานด์ที่อยู่อาศัยที่แท้จริงจากกลุ่มลูกค้าอยากมีบ้าน ที่กำลังรอโอกาสเหมาะในการตัดสินใจซื้อ เป็นจังหวะสำคัญในการกระตุ้นความเชื่อมั่นของลูกค้า และช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในช่วงเริ่มต้นให้ลูกค้ากล้าตัดสินใจมากขึ้น
ศุภาลัยนำบ้านและคอนโดฯ พร้อมอยู่ บนทำเลศักยภาพทั่วประเทศ จัดโปรโมชั่น “ยิ้ม ยืด ยาว” ช่วยผ่อนยาว 36 เดือน รับส่วนลดสูงสุด 1 ล้านบาท ช่วยให้การมีบ้านใหม่ไม่ใช่เรื่องหนักใจอีกต่อไป ลูกค้าเลือกรับสิทธิประโยชน์ อาทิ Choice A ผ่อนสบายกระเป๋านานสูงสุด 36 เดือน มูลค่าสูงสุด 360,000 บาท Choice B ฟินกับของแต่งบ้าน เลือกช็อปสนุกกับ Voucher จาก IKEA, Index, HomePro, Central ฟรี ค่าโอนกรรมสิทธิ์ มิเตอร์ไฟฟ้า-น้ำ ค่าส่วนกลาง 1 ปีแรก หากลูกค้ากู้ไม่ผ่านยินดีคืนเงิน
เงื่อนไขโปรโมชั่นสำหรับลูกค้าที่จองซื้อและโอนตั้งแต่วันนี้-15 กันยายนนี้
ขณะที่เกมของดีเวลอปเปอร์รายกลาง เน้นช่วงชิงลูกค้าแบบ Snap Shot ในช่วงไฮซีซั่นวีกเอนด์เสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เพราะเป็นวันว่างของลูกค้าที่สนใจจะซื้อที่อยู่อาศัย โดยบริษัท สัมมากร จำกัด (มหาชน) จัดโปรฯไฟไหม้ภายใต้แคมเปญ “EXPO ลดแซ่บ ไม่มีกั๊ก” ระหว่างวันที่ 17-20 กรกฎาคมนี้เท่านั้น นำที่อยู่อาศัยราคา 3.59-105 ล้านบาท จัดส่งเสริมการขายมอบส่วนลดสูงสุด 9 ล้านบาท, ผ่อนสบายสูงสุด 60 เดือน หรือ 5 ปี, ฟรี เครื่องใช้ไฟฟ้า 7 รายการ รวมทั้งบริการให้คำปรึกษาฟรีกับผู้เชี่ยวชาญด้านสินเชื่อจากธนาคารชั้นนำ
บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) จัดโปรฯไฟไหม้ “Flash Deal จองด่วน ลดจัดหนัก” ระหว่างวันที่ 12-13 กรกฎาคมนี้ นำบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮมในเขตกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ราคาเริ่มต้น 2-10 ล้านบาท มอบส่วนลดสูงสุด 3 แสนบาท อาทิ บ้านลลิล Beyond Luxury of Living บ้านคุณภาพ ดีไซน์สไตล์ฝรั่งเศส, แลนซีโอ Perfection of Living ออกแบบเพื่อทุกคน ๆในครอบครัว, ไลโอ Happiness of Living ความสุขที่ลงตัว กับทุกความต้องการของการใช้ชีวิต และลลิล กรีนวิลล์ บ้านเดี่ยวหรู โดยบ้านทุกหลังได้รับการพัฒนาให้สอดคล้องกับ Green Living Standard เพื่อส่งเสริมการใช้วัสดุที่ช่วยลดความร้อนจากภายนอก บ้านอยู่สบาย ประหยัดค่าไฟ ลดการใช้พลังงาน และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในระยะยาว
กลยุทธ์การปรับตัวยังรวมถึงการเร่งออกหุ้นกู้เพื่อนำมาใช้บริหารจัดการด้านการเงินองค์กร ล่าสุด นางสาวดารณี ฉัตรพิริยะพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ LPN กล่าวว่า LPN เตรียมเสนอขายหุ้นกู้ระยะยาวชุดใหม่ ระหว่างวันที่ 5-7 สิงหาคมนี้ ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ มีประกัน มีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ ซึ่งผู้ออกหุ้นกู้มีสิทธิไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนครบกำหนดไถ่ถอน ให้แก่ผู้ลงทุนทั่วไป อายุ 2 ปี 6 เดือน อัตราดอกเบี้ย 5.85-6.00% ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน มีหลักประกันมูลค่าไม่ต่ำกว่า 1.62 เท่า ของยอดคงค้างของหุ้นกู้ ได้แก่ ที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ที่ดินเปล่า ห้องชุดพาณิชยกรรม ในเขตกรุงเทพฯ ชลบุรี เพชรบุรี นนทบุรี ปทุมธานี และสมุทรปราการ
โดยไตรมาส 1/68 LPN มีรายได้รวม 1,532 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 1,413 ล้านบาท เทียบกับไตรมาส 1/67 มีกำไรสุทธิ 20 ล้านบาท แม้จะลดลงจากปีก่อน แต่ดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส 4/67 มี Backlog รอรับรู้รายได้ 1,529 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ต่อเนื่องปี 2568-2569 วางแผนเปิด 4 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 6,000 ล้านบาท และคงเป้ายอดขายปีนี้ 8,500 ล้านบาท เป้ารายได้รวม 8,300 ล้านบาท กลยุทธ์ในปีนี้เน้นการระบาย Inventory ที่มีอยู่ ควบคู่ไปกับการสะสมที่ดินใหม่ในช่วงครึ่งปีหลัง เพื่อเตรียมพัฒนาโครงการใหม่ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า
นางสาวเพชรลดา พูลวรลักษณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทเตรียมออกเสนอขายหุ้นกุ้รุ่นใหม่ 3/68 เป็นหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ซึ่งผู้ออกหุ้นกู้มีสิทธิไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนวันครบกำหนดไถ่ถอน จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน เสนอขายให้แก่ผู้ลงทุนสถาบัน และ/หรือ ผู้ลงทุนรายใหญ่ มีทั้งชุดที่มีประกัน และชุดที่ไม่มีประกัน แบ่งเป็น ชุดที่ 1 หุ้นกู้ไม่มีประกัน อายุ 1 ปี ครบกำหนดไถ่ถอนปี 2569 อัตราดอกเบี้ย 7.30% ต่อปี
ชุดที่ 2 หุ้นกู้มีประกัน อายุ 1 ปี 6 เดือน ครบกำหนดไถ่ถอนปี 2570 อัตราดอกเบี้ย 7.10% ต่อปี หลักประกัน ได้แก่ อาคารสำนักงานเมเจอร์ ทาวเวอร์ พระราม 9-รามคำแหง พร้อมที่ดินและส่วนควบ มูลค่าราคาประเมิน 1,552 ล้านบาท ระยะเวลาจองซื้อหุ้นกู้ วันที่ 29-31 กรกฎาคม 2568 นี้
นายศุภโชค ปัญจทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซท ไฟว์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ A5 เปิดเผยว่า บริษัทเสนอขายหุ้นกู้ ครั้งที่ 1/68 อายุ 1 ปี 6 เดือน ครบกำหนดไถ่ถอนปี 2570 ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน มีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ และผู้ออกหุ้นกู้มีสิทธิไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนครบกำหนดไถ่ถอน อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 7.20-7.50 ต่อปี ชำระดอกเบี้ยทุก 3 เดือน ตลอดอายุหุ้นกู้ เสนอขายให้แก่ผู้ลงทุนสถาบัน และ/หรือผู้ลงทุนรายใหญ่
วัตถุประสงค์เพื่อนำเงินที่ได้มาใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัทและบริษัทย่อย รวมถึงเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางการเงิน และสนับสนุนการเติบโตของบริษัท ซึ่งบริษัทมีความสามารถในการชำระคืนดอกเบี้ยหุ้นกู้จากการขายที่ผ่านมา และอัตราส่วนทางการเงินที่แข็งแกร่ง ปัจจุบัน A5 มีโครงการที่อยู่ระหว่างขาย 3 โครงการ มูลค่ารวม 6,850 ล้านบาท โดยโครงการแซงค์ รอยัล กรุงเทพกรีฑา เตรียม Sold Out เหลือยูนิตสุดท้าย, โครงการวนา ราชพฤกษ์-เวสต์วิลล์ และแซงค์ รอยัล ดิ เอททีน บางนา กม.7 ก็เดินหน้าสร้างยอดขายอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้าที่มองหาบ้านระดับพรีเมี่ยมบนทำเลศักยภาพ
ทั้งนี้ ไตรมาส 1/68 ที่ผ่านมา A5 มีรายได้รวม 281.89 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 30.34 ล้านบาท
Contact to : xlf550402@gmail.com
Copyright © boyuanhulian 2020 - 2023. All Right Reserved.