คอลัมน์ : Politics policy people forum

รัฐบาลเพื่อไทย เตรียมพร้อมรับศึกฝ่ายค้านที่เตรียมโค่นบัลลังก์รายวัน

เพียงแค่เปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรวันแรก รัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ นำโดยพรรคเพื่อไทย ก็เจอฝ่ายค้าน “ลองของ”

ฝ่ายค้านงวดนี้ ต่างจากฝ่ายค้านในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา

เพราะ 2 ปี พรรคฝ่ายค้าน มีกำลังแค่พรรคก้าวไกล ต่อเนื่องมาถึงพรรคประชาชน จากเดิมหลังเลือกตั้ง 2560 พรรคก้าวไกล ได้ 151 เสียง แต่ถูกยุบพรรค บั่นทอนกำลังจนเหลือ 143 เสียง ในนามพรรคประชาชน และเหลือ 142 เสียงในปัจจุบัน ส่วนพรรคไทยสร้างไทย พรรคเป็นธรรม เป็นแค่ตัวประกอบ

ก่อนที่พรรคพลังประชารัฐ 19 เสียงจะเพิ่มขึ้นมา หลังจากถูกเขี่ยไปเป็นฝ่ายค้านพรรคแรก แต่เมื่อพรรคประชาชน ได้พรรคภูมิใจไทย 69 เสียง ที่สะสมความแค้นจากการถูกยึดกระทรวงมหาดไทย เพิ่มจำนวน สส.ให้ฝ่ายค้านมีตัวเลข 234 เสียง ขณะที่รัฐบาลกลับอยู่ในสภาพ “เสียงปริ่มน้ำ” จากการไม่มีพรรคภูมิใจไทยในสมการ

เกมเฉือนเกมระหว่างฝ่ายรัฐบาล กับฝ่ายค้าน ในโรงละคร สภาผู้แทนราษฎร จึงเพิ่มดีกรีเดือดทะลุปรอท

เพียงแค่เปิดประชุมวันแรก สภาก็เกือบล่ม จากการที่พรรคพลังประชารัฐ เสนอนับองค์ประชุม จนทำให้ประธานสภาต้องชิงปิดประชุม ไม่ให้เกิดภาพ “สภาล่ม” ตั้งแต่ Day 1

ซ้ำด้วยการที่พรรคภูมิใจไทย เปิดเกม “ขู่” ยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี จากกรณีคลิปเสียง แต่ที่เอาจริงคือ สว.สีน้ำเงิน ที่ยื่นศาลรัฐธรรมนูญ ให้ฟันจริยธรรม จนนายกฯต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่

อีกทั้ง คณะกรรมาธิการการทหาร วุฒิสภา เตรียมเรียก “แพทองธาร ชินวัตร” นายกฯและ รมว.วัฒนธรรม มาแถลงข้อเท็จจริงด้วยตัวเอง ตามประเด็นข้อซักถาม ดังนี้ 1.ประเด็นจุดยืนและแนวปฏิบัติข้อพิพาทบริเวณพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา จำนวน 12 ข้อ เช่น จุดยืนต่อ MOU 43 และ MOU 44 หรือการละเมิด MOU อย่างต่อเนื่องของฝ่ายกัมพูชา 2.ประเด็นสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้

ฝ่ายค้าน-ฝ่ายแค้น เก็บทุกเม็ด-ทุกดอก

แก้เกม เพิ่มเก้าอี้ สส.ในสภา

พรรคเพื่อไทย แก้เกมต้องเพิ่มเก้าอี้ สส.ในสภา ให้ สส.ที่ได้เก้าอี้รัฐมนตรี และไม่มีหน้าที่สำคัญในสภา ต้องสละเก้าอี้ สส. เพื่อเติม สส. เผื่อเหตุฉุกเฉิน

และคำขาดของ “วิสุทธิ์ ไชยณรุณ” สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานวิปรัฐบาล ตั้งกฎเหล็กวันประชุมสภา ห้ามลา-ห้ามขาด

“ผมบอกมาตลอดว่า วันนี้เสียงปริ่มน้ำอย่างนี้ แม้แต่รัฐมนตรีซักคนหนึ่งก็ขาดไม่ได้ ถ้าอยากไปรอด และวิปรัฐบาลก็ได้เตือนแล้วว่า รัฐมนตรีที่เป็น สส. ต้องมาประชุมสภา วันพุธและวันพฤหัสบดี ต้องรับผิดชอบร่วมกัน ถ้ายังอยากเป็นรัฐมนตรีต่อไป ต้องมาประชุมสภา ให้เอางานมาสั่งการที่สภา ไม่อย่างนั้นสภาก็ล่ม ไปไม่รอด”

“อันนี้ต้องเตือนแรง ๆ ไม่ใช่เตือนแค่ สส.ฝ่ายรัฐบาล แต่เตือนไปถึงรัฐมนตรีด้วย ต้องมีความรับผิดชอบร่วมกัน วิปไม่สามารถไปลากใครมาประชุมได้หมด เพราะฉะนั้น คุณรู้หน้าที่ของตัวเองว่าเป็นผู้แทนราษฎรอยู่ เตือนไปยังทุกคน ถ้ายังอยากให้รัฐบาลไปรอด เวลาอย่างนี้เสียงปริ่มน้ำ ไม่ใช่โยนมาให้วิปเพียงอย่างเดียว คุณต้องรับผิดชอบร่วมกับผม”

วิสุทธิ์ ขีดเส้น สส.ที่เป็นรัฐมนตรี 2 ทาง 1.ถ้าไม่ลาออก ในวันที่มีประชุมสภา ต้องมานั่งประชุมในสภา และทำสองหน้าที่ 2.ถ้าอยากทำหน้าที่รัฐมนตรีอย่างเต็มที่ ก็ควรลาออกจาก สส. เพื่อให้ผู้มีรายชื่อในลำดับถัดไปเข้ามาทำหน้าที่แทน

กฎเหล็กห้ามโดดประชุม

วิสุทธิ์ วางหลักให้ สส. และรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยปฏิบัติตาม

“ผมพยายามพูดตลอดว่า เป็นผู้แทนที่ดี เสาร์-อาทิตย์ คุณอยู่พื้นที่ได้ แต่วันจันทร์มีประชุมวิปรัฐบาล คุณต้องมา วันอังคารมีประชุมพรรค วันพุธ-พฤหัสบดี คุณต้องอยู่สภา หน้าที่คือตรากฎหมายเพื่อไปบังคับใช้กับคนทั้งประเทศ ถ้าไม่อยู่สภา อยู่ตามสนามบิน ไปงานบุญบั้งไฟ แสดงว่าละทิ้งหน้าที่สำคัญ ไม่รับผิดชอบต่อหน้าที่ พี่น้องประชาชนต้องเห็น อย่าไปเลือกเข้ามาอีก จะเปิดชื่อต่อสื่อมวลชนให้ประชาชนได้เห็นว่า บุคคลนั้นละทิ้งหน้าที่”

“เพราะหน้าที่ออกกฎหมายไปบังคับกับประชาชน ดังนั้น เสียง สองเสียง มันมีความหมาย แม้แต่ในพรรคเพื่อไทย ผมยังบอก ใครจะลาไปงานส่วนตัวไม่ได้ นอกจากงานในครอบครัว ลูกแต่งงานได้ แต่ไปเผาศพหัวคะแนน กำนัน ไม่ได้ ถ้าป่วยต้องมีใบรับรองแพทย์ พรรคเพื่อไทยทำอย่างนี้ แล้วผมต้องทำตัวอย่างให้เห็น เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้ระบบ ไม่ใช่ตัวบุคคล”

ตั้งรับฝ่ายค้านป่วน

ขณะที่ “สุทิน คลังแสง” สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ที่เคยเป็นทั้ง รมว.กลาโหม ในยุครัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน และยังเคยรับหน้าที่เป็น “ประธานวิปฝ่ายค้าน” 4 ปีเต็ม ในช่วงรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ มอง “ยุทธการ” ล้มรัฐบาลของฝ่ายค้านว่า ฝ่ายค้านคงป่วนรัฐบาลทุกวิถีทาง ที่จะดิสเครดิต ด้อยค่า ถึงที่สุดเป้าหมายคือให้รัฐบาลล้มลง เดินต่อไม่ได้

สิ่งที่จะเห็นแน่นอนคือการนับองค์ประชุมแบบฟุ่มเฟือยเรื้อรัง และพยายามสร้างภาพการนำสังคมแทนรัฐบาล ชิงการเป็นผู้นำทางสังคมกับรัฐบาล รวมถึงการชิงตั้งรัฐบาลเงา รัฐบาลชั่วคราว คิดว่าเป็นลูกเล่นที่จะทำ และลามไปถึงการที่รัฐบาลพลาดพลั้งเรื่องจริยธรรม ฝ่ายค้านก็คงต้องยื่นองค์กรอิสระรายวัน

บูรณาการ 3 ฝ่าย

แผนการรับมือทางการเมือง “สุทิน” บอกว่า การรับมือต่อไปนี้ต้องมีแผนบูรณาการทางการเมืองที่ชัดเจน 3 ฝ่าย ต้องทำงานร่วมกันอย่างแข็งขัน และแน่นอน รัฐบาลต้องชิงทำผลงาน บริหารบ้านเมือง แก้ปัญหาบ้านเมืองให้เข้มแข็ง ได้ผล

หนึ่ง ตัวรัฐบาล คณะรัฐมนตรี ต้องทำงานเชิงรุกให้ทันต่อปัญหา แก้ปัญหาให้เป็นรูปธรรม โฆษกรัฐบาล ต่อไปนี้ต้องทันเกม ทันการณ์ ทันคน

สอง ปีกสภา สส.ฝ่ายรัฐบาล ซึ่งวิปแต่ละพรรคในพรรคร่วมรัฐบาล ต้องมีระบบการประสานงาน มาตรการการกำกับควบคุมสมาชิกให้เข้าประชุมอย่างเข้มแข็ง

สาม พรรคของพรรคร่วมรัฐบาลแต่ละพรรค ความเข้มแข็งในแต่ละพรรคจะต้องเกิด เมื่อเข้มแข็งแล้ว การประสานงานระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลภายใต้วิปรัฐบาลต้องเข้มแข็งกว่าเดิมให้มาก เพราะต้องบูรณาการ 3 ฝ่ายให้มีประสิทธิภาพ

รัฐบาลในศึกรอบด้าน

“สุทิน” บอกว่า ถึงเจอศึกรอบด้านอย่างนั้นก็ไม่แปลกสำหรับประเทศไทย ดังนั้น รัฐบาลต้องตั้งสติ และรวมพลังให้มีเอกภาพในการทำงาน เพราะเรื่องที่เกิดขึ้น ณ วันนี้ ไม่ใช่ครั้งแรก แต่เกิดขึ้นกับทุกรัฐบาล

ภัยคุกคามอะไรที่น่ากลัวที่สุด ฝ่ายค้าน ม็อบ “สุทิน” กล่าวว่า จริง ๆ แล้วฝ่ายค้านไม่ได้เข้มแข็ง ไม่ได้กลัวฝ่ายค้านนะ ม็อบก็ไม่น่ากลัว ไม่ได้ท้าทาย เพียงแต่ไม่ถึงกับกังวลมากกับม็อบ หรือฝ่ายค้าน แต่ที่น่ากลัวคือ หลุมพรางทางกฎหมายเยอะ ที่เรียกว่านิติสงคราม กลัวพลาด เรื่องกฎหมาย จริยธรรม ระวังอันนี้มากกว่า ว่าไปแล้วก็จะต้องจบด้วยองค์กรอิสระ กระบวนการยุติธรรม ซึ่งเราจะต้องระมัดระวังให้มาก

เมื่อฝ่ายค้าน ผสมฝ่ายแค้น รัฐบาลจึงต้องตั้งรับอย่างไม่ประมาท

Contact to : xlf550402@gmail.com


Privacy Agreement

Copyright © boyuanhulian 2020 - 2023. All Right Reserved.