เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2568 ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐอเมริกา ประกาศมาตรการเรียกเก็บ ภาษีศุลกากรตอบโต้ (reciprocal tariff) กับประเทศคู่ค้าหลายประเทศ โดยอ้างว่าเป็นการดำเนินมาตรการเพื่อความเป็นธรรมทางการค้า

อย่างไรก็ดี มาตรการดังกล่าวได้จุดกระแสคำถามในสังคมออนไลน์ เนื่องจากไม่มีรายชื่อ “รัสเซีย” อยู่ในกลุ่มประเทศที่ถูกสหรัฐเรียกเก็บภาษี ส่งผลให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่าประธานาธิบดีทรัมป์อาจ “เกรงใจ” ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาจากท่าทีของทรัมป์ในอดีตที่มักแสดงความชื่นชมต่อผู้นำรัสเซียรายนี้อย่างเปิดเผย

ต่อประเด็นดังกล่าว นางแคโรไลน์ เลวิตต์ โฆษกทำเนียบขาว ชี้แจงว่า สาเหตุที่ไม่มีชื่อรัสเซียอยู่ในบัญชีประเทศที่ถูกเก็บภาษี เป็นเพราะการค้าระหว่างสหรัฐกับรัสเซียได้รับผลกระทบอยู่แล้วจากมาตรการคว่ำบาตรที่สหรัฐใช้กับรัสเซีย นับตั้งแต่รัสเซียเปิดปฏิบัติการพิเศษทางทหารในยูเครนเมื่อปี 2565 ทำให้ปริมาณการค้าระหว่างสองประเทศลดลงเหลือเพียง 3.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี

นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายประเทศที่ไม่ได้อยู่ในรายชื่อการเก็บภาษีของสหรัฐฯ เช่น คิวบา เกาหลีเหนือ และเบลารุส ซึ่งต่างก็เป็นประเทศที่ถูกคว่ำบาตรจากสหรัฐฯ อยู่ก่อนแล้วเช่นกัน