เปิดสำรับข้าวแช่ ‘รอยัล โอชา’ ถ่ายทอดความเป็นไทย สไตล์พรีเมียม
ต้อนรับ “คิมหันต์ฤดู” กับเมนูประจำซีซั่นที่หวนกลับมาให้ลิ้มรสชาติความอร่อยอีกครั้งกับ “เมนูข้าวแช่ ตำรับรอยัล โอชา” ที่ในปีนี้พร้อมเปิดให้ทุกคนเข้ามาสัมผัสความอร่อยของเมนูโบราณนี้ ท่ามกลางบรรยากาศในร้าน รอยัล โอชา หนึ่งในสถานที่ถ่ายทำซีรีส์ “The white lotus ซีซั่น 3” อีกทั้งยังพ่วงรางวัลมิชลินไกด์ 7 ปีซ้อน
ซึ่งในปีนี้ทางร้านได้นำเสนอข้าวแช่จากฝีมือ “เชฟวิชิต มุกุระ” Executive Chef ผู้คร่ำหวอดในวงการอาหารไทยมานานกว่า 40 ปี ที่มาถ่ายทอดความเป็นไทยแสนวิจิตร ให้นักชิมอิ่มเอมไปกับเครื่องเคียง ที่รังสรรค์จากวัตถุดิบชั้นเลิศทั้ง 7 อย่างตามตำรับชาววัง พร้อมเครื่องเคียงพิเศษลำดับที่ 8 ในปีนี้ อย่าง “เห็ดหวาน ทรงเครื่อง” มาเสริมสำรับเพื่อเป็นทางเลือกของคนรักการรับประทานอาหารแพลนต์เบส (Plant Base) โดยได้ผลไม้คล้ายร้อนมาช่วยเรียกน้ำย่อย “มะม่วงน้ำปลาหวาน” และ “ฝรั่งสีชมพูทำเป็นม้าฮ่อ” นอกจากนี้ ยังได้รังสรรค์ของว่าง “ยำมะยงชิด” เพื่อเปิดต่อมรับรสด้วยรสชาติจัดจ้าน ให้ได้คลายร้อนในวันที่อบอ้าวก่อนเข้าสำรับข้าวแช่
เริ่มต้นเปิดสำรับคลายร้อนแบบไทย ด้วยของว่างขนาดพอดีคำเป็นอาหารเรียกน้ำย่อย เสิร์ฟเคียงคู่กันสองคำแรกเป็น “ม้าฮ่อ” อาหารว่างโบราณไส้หวานเค็มรสชาติคล้ายไส้สาคู จับคู่มากับผลไม้อย่าง “ฝรั่งสีชมพู” ที่โดดเด่นทั้งรสและกลิ่นหอม นำมาแกะสลักอย่างประณีตเป็นรูปใบไม้ มาพร้อมกับ “มะม่วงน้ำปลาหวาน” ผลไม้ประจำฤดูร้อน ใช้มะม่วงสองแบบเป็นมะม่วงอมเปรี้ยวกับมะม่วงมัน ทั้งพันธุ์เขียวเสวยและพันธุ์แก้วขมิ้น ฝานบางเป็นแผ่นแล้วบรรจงม้วนเป็นกราย ด้านในสอดไส้น้ำปลาหวาน กุ้งเสียบ หอมแดง พริกสด
จานที่สองเด็ดโดนใจสายยำ ซึ่งเชฟครีเอตเมนูเปิดต่อมรับรสอย่าง “ยำมะยงชิด” ผลไม้หน้าร้อนอย่างมะยงชิด ผลใหญ่รูปไข่มีสีเหลืองส้ม รสชาติเปรี้ยวอมหวาน คัดสรรมาเป็นอย่างดีจากแหล่งปลูกจังหวัดนครนายกที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสินค้า GI นำรังสรรค์เป็นเมนูยำ ด้วยการคว้านเมล็ดออกแล้วสอดไส้ด้วยน้ำยำรสชาติจัดจ้านครบเครื่องเคล้าทั้งพริกและหอมแดงซอยละเอียด โรยหน้าด้วยกุ้งเสียบและกุ้งแห้งป่น สองเท็กเจอร์ที่สร้างความแตกต่าง ส่วนมะยงชิดเปรี้ยวฉ่ำหอมกับน้ำปลาหวานนัวลิ้นเข้ากันสุดๆ
เข้าสู่ไฮไลต์ของข้าวแช่ตำรับชาววัง “รอยัล โอชา” ที่คงเอกลักษณ์ของเครื่องเคียงทั้งหมด 7 อย่าง ได้แก่ “ลูกกะปิ” หัวใจสำคัญของข้าวแช่ ซึ่งเป็นกับข้าวที่คนนิยมประชันฝีมือแข่งขันกัน ความโดดเด่นของลูกกะปินั้นถูกรังสรรค์ขึ้นมาจากส่วนผสมของกระชาย หอมแดง กระเทียม ปลาดุกนาย่าง และมะพร้าวขูด เสร็จแล้วนำมาผัดใส่กะทิ ปรุงรสให้กลมกล่อมด้วยน้ำตาล จากนั้นปั้นเป็นก้อนกลมพอดีคำ เสร็จแล้วนำมาห่อใบตองย่างไฟ เพื่อเพิ่มความหอมและอรรถรส
“หอมแดงสอดไส้หน้าปลาแห้ง” เลือกใช้หอมจุกซึ่งเป็นหอมโทนลูกใหญ่ นำมาตัดรากออก จากนั้นค่อยๆ เลาะเปลือกแห้งออกจนเหลือติดไว้เพียงเปลือกบางก่อนจะถึงเนื้อของหัวหอม ในส่วนของปลาแห้งนั้นทำมาจากเนื้อปลาช่อนนา นำมาย่างให้สุก ตำแล้วคั่วในกระทะจนกลิ่นหอม ใส่หอมแดง กระเทียมเจียว น้ำตาลทราย เสร็จแล้วนำมาผ่านกระบวนการพิเศษที่เชฟวิชิตใช้เทคนิคเฉพาะตัวด้วยการตอกไข่แดงผสม เพื่อให้ปลาแห้งจับตัวกัน
ถัดมาเป็น “พริกหยวกสอดไส้หมูสับกับกุ้ง” โดยปกติทั่วไปมักจะเป็นพริกหยวกสอดไส้ห่อหรุ่ม หรือล่าเตียง แต่สำหรับข้าวแช่สำรับรอยัล โอชา นั้นใช้ความประณีตบรรจงในการทำเส้นไข่ โดยตัวเส้นทำจากไข่เป็ดผสมกับไข่ไก่ เมื่อตัวเส้นของไข่ฟูจึงค่อยมาห่อกับพริกหยวกเม็ดใหญ่ ส่วนพริกหยวกกรีดตรงกลางเพื่อนำเมล็ดออก สอดไส้ด้วยเนื้อหมูบดผสมกับเนื้อกุ้งสับ ตามด้วยรากผักชี กระเทียม พริกไทย และไข่เป็ดตัวช่วยเพิ่มความหนึบ “ไข่แดงเค็มชุบแป้งทอด” ที่นำ “ไข่แดงเค็มไชยา” ที่อุดมไปด้วยรสสัมผัสแน่นหนึบ ผสมกับรสชาติมัน เค็มเล็กน้อย มาตีและปั้นเป็นเม็ดพอดีคำ จากนั้นนำไปชุบแป้งที่มีส่วนผสมของไข่ขาวจากไข่เค็ม แล้วนำไปทอดให้ด้านนอกเหลืองทองอร่าม
“หมูฝอยผัดน้ำพริกมะขาม” หลบหลีกจากการทำหมูฝอยธรรมดา ด้วยการนำหมูมาต้มฉีกทำฝอยแล้วคั่ว เพิ่มรสชาติไม่ซ้ำใครด้วยการผัดน้ำพริกมะขามกับหมูฝอย ก็จะได้หมูฝอยผัดน้ำพริกมะขามรสเข้มข้น สัมผัสได้ถึงความแตกต่างจากหมูฝอยทั่วไป “ปลายี่สนผัดหวาน” นำปลากระเบนแห้งมาแช่น้ำให้เนื้อนิ่ม หลังจากนั้นนำมาตำจนเนื้อนุ่มฟู แล้วผัดกับส่วนผสมและเครื่องปรุงรสเข้มข้น ผัดจนเครื่องซึมเข้าในเนื้อปลาจนแห้ง ขณะที่ “หัวไชโป๊ผัดหวาน” จะเลือกหัวไชโป๊ที่ไม่เค็มนัก ล้างทำความสะอาดอย่างดี นำมาหั่นเป็นเส้นฝอย หลังจากนั้นนำมาผัดกับกระเทียมและน้ำตาลปี๊บ ใช้ไฟอ่อนผัดพอให้กรึบๆ สลับการโรยน้ำตาลปี๊บให้ค่อยๆ เคลือบจนน้ำตาลรัด จนเส้นไชโป๊มีความเงา พร้อมโรยด้วยกระเทียมเจียวหอมๆ
พิเศษสำหรับปีนี้ ได้รังสรรค์เครื่องเคียงเพิ่มเติมมาอีก 1 อย่างคือ “เห็ดหวาน ทรงเครื่อง” มาเป็นทางเลือกของคนรักสุขภาพ โดยนำเห็ดโคนหลวงมาทำให้แห้ง (Dehydration) ฉีกเป็นเส้นๆ ก่อนนำลงทอดและเคลือบด้วยงากับน้ำตาล จนกรอบและมีกลิ่นหอม
ภายในสำรับมาพร้อมกับผักแกะสลักสุดประณีต ทั้งกระชายแกะสลักดอกจำปี ต้นหอมม้วน มะม่วงเปรี้ยวและแตงกวาแกะสลักรูปใบไม้ รับประทานกับข้าวหอมมะลิเสาไห้ในน้ำลอยดอกไม้ไทย 4 ชนิด ได้แก่ ชมนาด กระดังงา กุหลาบมอญ และมะลิ ซึ่งชมนาดเป็นดอกไม้ประจำฤดูร้อน นอกจากนี้ ยังรับประทานพร้อมกับ “น้ำแร่ค่า pH 8.8” ที่มาจากการสกัดกลิ่นอันหอมหวานของดอกชมนาดที่มีกลิ่นคล้ายคลึงกับใบเตยและมะลิ หรือที่เรียกว่า “กลิ่นข้าวใหม่” ด้วยการลอยน้ำแร่แช่ข้ามคืน จนได้กลิ่นหอมออกมารัญจวนใจ
“สมุนไพรหลักในเครื่องของข้าวแช่ เราใช้ภูมิปัญญาของชาวบ้านมาสื่อถึงการทำอาหาร จะมีพวกตะไคร้ กระชาย หอมแดง กระเทียม นำมาเป็นส่วนผสมอยู่ในนั้น โดยเฉพาะกระชายเมื่อรับประทานแล้วจะช่วยขับลมในกระเพาะ เพราะเครื่องเคียงเป็นของผัดของทอดทั้งหมด กระชายจะทำให้เกิดความสมดุลในกระเพาะ ป้องกันท้องไม่อืดเฟ้อหรือย่อยยาก ส่วนต้นหอมกินเพื่อเพิ่มความเผ็ดร้อนเข้ามา องค์รวมของข้าวแช่คือการสืบสานทางภูมิปัญญาไทย เรียกได้ว่าเป็นอาหารชาววังสู่ชาวบ้าน นี่คือสิ่งที่เรานำเสนอ” เชฟวิชิตกล่าว
ด้านเมนูขนมหวานตบท้าย ท้าพิสูจน์ความฟินด้วย “กรานิต้าส้มฉุน” ที่ทำน้ำลอยแก้วออกมาในรูปแบบของกรานิต้า คล้ายไอศกรีมอิตาเลียน มีกลิ่นหอมละมุน รับประทานง่าย คลุกเคล้ากับผลไม้รสหวานอมเปรี้ยวหลายชนิด ได้แก่ สตรอเบอรี่, ส้ม, บลูเบอรี่, ราสเบอรี่, เงาะ, สละ และส้มโอ ด้านบนโรยขิงซอย มะม่วงซอย และหอมเจียว พิเศษสุด ในช่วงฤดูร้อนเฉพาะเดือนเมษายนนี้ จะมีเมนู “ไอศกรีมส่ายก้น” มาเสิร์ฟดับร้อนอีกด้วย
พร้อมมอบช่วงเวลาโอกาสสำคัญ วันสำคัญ กับคนสำคัญ ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 15 กรกฎาคม 2568
Contact to : xlf550402@gmail.com
Copyright © boyuanhulian 2020 - 2023. All Right Reserved.