เขาศาลปู่โทน กิโลเมตร 304 ที่ตั้ง ศาลเจ้าพ่อปู่โทน ‘ทางลงโค้งมรณะ’ เซ่นอุบัติเหตุนับร้อย สถิติ 2557-2568 อาถรรพ์ผี หรือถนนไม่ดี ไม่ยอมแก้ไข
ถนนสาย 304 ช่วงลงเขาศาลปู่โทน จังหวัดปราจีนบุรี กลายเป็นชื่อที่หลายคนรู้จักในฐานะ “โค้งมรณะ” หลังจากเกิดอุบัติเหตุรุนแรงซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดยเฉพาะกับรถโดยสารและรถบรรทุกหนัก ซึ่งบางครั้งนำไปสู่ความสูญเสียจำนวนมากทั้งชีวิตและทรัพย์สิน
แม้ตลอดหลายปีที่ผ่านมา หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะพยายามใช้มาตรการป้องกัน ไม่ว่าจะเป็นการติดป้ายเตือน ลดความเร็ว หรือสร้างทางหยุดฉุกเฉิน แต่จากสถิติและเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง ทำให้เกิดคำถามว่า มาตรการเหล่านั้นเพียงพอแล้วหรือยัง
อันตรายของเส้นทาง ออกแบบไม่เอื้อต่อการขับขี่
เส้นทางลงเขาศาลปู่โทนมีลักษณะทางกายภาพที่ผู้ขับขี่ต้องใช้ทักษะอย่างมาก ทั้งความลาดชันยาวต่อเนื่องประมาณ 5-6 กิโลเมตร มีทางโค้งจำนวนมากถึง 12 โค้ง รวมถึงโค้งอันตรายที่เป็นลักษณะโค้งตัว S และโค้งหักศอก แถมบางจุดไม่มีความเอียงรับแรงเหวี่ยงของรถ ปัจจัยเหล่านี้บีบบังคับให้ผู้ขับต้องใช้เบรกอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหากไม่มีการพักเบรกตามจุดที่กำหนด ระบบเบรกอาจร้อนจัดจนไม่ทำงาน หรือที่เรียกกันว่า “เบรกแตก”
เมื่อเข้าสู่โค้งด้วยความเร็วสูง รถจึงเสียการควบคุมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ หลายครั้งนำไปสู่การชน การพลิกคว่ำ หรือเพลิงไหม้ในทันที
แม้จะไม่ถูกกล่าวถึงบ่อยเท่าปัจจัยด้านถนนและยานพาหนะ แต่สภาพอากาศ เช่น ฝนตกหนัก ก็เคยเป็นปัจจัยร่วมในอุบัติเหตุบางครั้ง นอกจากนี้ ปัญหาไฟส่องสว่างดับในบางจุดของทางหลวง 304 ก็ทำให้ทัศนวิสัยในตอนกลางคืนลดลง
จากการวิเคราะห์ข้อมูลย้อนหลัง อุบัติเหตุบนเส้นทางนี้เกิดขึ้นซ้ำในจุดเดิมเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะ กม.209–210 ซึ่งมีทั้งโค้งหักศอกและศาลปู่โทน ตั้งแต่ปี 2566–ต้นปี 2568 เกิดอุบัติเหตุไปแล้วเกือบ 100 ครั้ง มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก
ที่สูญเสียใหญ่คือ รถทัวร์คณะดูงานพลิกคว่ำ (กุมภาพันธ์ 2568) รถบัสคณะดูงานจากเทศบาลพรเจริญ จังหวัดบึงกาฬ เสียหลักพลิกคว่ำบริเวณ กม. 210+500 ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตมากถึง 18-19 ราย บาดเจ็บอีกราว 29-31 ราย คนขับรถอ้างว่าไม่สามารถเข้าเกียร์ต่ำเพื่อชะลอความเร็วได้
รถบัสโดยสารชนท้ายรถบรรทุกและเกิดเพลิงไหม้ (เมษายน 2568) รถบัสโดยสารประจำทางสายหนองคาย-ระยอง ซึ่งเป็นรถ 2 ชั้น ประสบเหตุเบรกแตกขณะลงเขาบริเวณ กม. 208 พุ่งชนท้ายรถพ่วงและรถเทรลเลอร์ที่เกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชนกันอยู่ก่อนหน้า ทำให้เกิดเพลิงลุกไหม้อย่างรุนแรง มีผู้เสียชีวิตทันที 7 ราย (รวมคนขับและพนักงานประจำรถ) และบาดเจ็บอีกกว่า 40-53 ราย พยานระบุว่ารถบัสมาด้วยความเร็วสูงและเบรกไม่ทัน
รถทัวร์นำเที่ยวตกเหว จากปัญหาเบรกขัดข้อง หลุดโค้งบริเวณโค้งเขาภูหีบ (กม. 209) พุ่งชนร้านค้าและต้นไม้ข้างทาง ทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 18 ราย และบาดเจ็บ 34 ราย
ปี 2557
28 ก.พ. 2557 รถทัวร์ 2 ชั้น ของบริษัทสีอนงค์ทัวร์ พานักเรียนและครูจากโรงเรียนบ้านดงหลบ จ.นครราชสีมา ไปทัศนศึกษาที่หาดจอมเทียนพัทยา จ.ชลบุรี เกิดเบรกแตกเสียหลักพุ่งชนท้ายรถบรรทุกพ่วง 18 ล้อ ยี่ห้ออีซูซุ บริเวณ กม.ที่ 42 ถนนสาย 304 หมู่ที่ 4 ต.บุพราหมณ์ อ.นาดี ทำให้มีผู้เสียชีวิต 14 คน บาดเจ็บ 37 คน
2 ส.ค. 2557 รถพ่วง 8 ล้อ เบรกแตกลง พุ่งชนรถที่วิ่งสวนมา 5 คัน บนถนน 304 จ.ปราจีนบุรี ช่วง กม.45-47 ฝั่งขาเข้ากบินบุรี ปักธงชัย ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 4 คน ได้รับบาดเจ็บ 15 คน จุดเกิดเหตุเป็นทางโค้งลงเขา และมีฝนตกหนักในพื้นที่ขณะเกิดเหตุ
ปี 2559
28 มี.ค. 2559 เกิดอุบัติเหตุรถพ่วง 18 ล้อ บรรทุกน้ำตาล ฮีโน่ เบรกแตกเฉี่ยวชนรถพ่วง รถกระบะ และรถสายตรวจ รวมทั้งหมด 8 คัน ที่เขาศาลเจ้าพ่อปู่โทน อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี พบผู้บาดเจ็บ 9 ราย แต่ไม่มีผู้เสียชีวิต
ปี 2560
8 ม.ค. 2560 รถกระบะยี่ห้ออีซูซู 4 ประตู เสียหลักตกร่องกลางถนน 304 พุ่งข้ามเลนชนรถพ่วงบรรทุกรถยนต์ (โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์) 4 คัน ยมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 ราย บริเวณถนนสาย 304 ฉะเชิงเทรา มุ่งหน้ากบินทร์บุรี กม.ที่ 138 ต.หนองโพรง อ.ศรีมหาโพธิ จ.ประจีนบุรี ต่อมา ได้เกิดเหตุซ้ำซ้อนในจุดเดียวกัน มีรถยนต์กระบะ ยี่ห้อฟอร์ด สีน้ำเงิน เสียหลักพุ่งข้ามจากอีกฝั่งมาชนกับรถพ่วงบรรทุกน้ำมัน ยี่ห้ออีซูซุ สีขาว ได้รับความเสียหายเช่นกัน แต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ
3 ก.พ. 2560 เกิดอุบัติเหตุพ่วง 22 ล้อ บรรทุกแป้งมัน เกิดเบรคแตก ชนระนาว 10 คัน เหตุเกิดบริเวณหลัก กม.ที่ 210-211 ถนนสาย 304 สภาพรถเกิดเพลิงลุกไหม้เสียหายทั้งคัน มีผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บหลายคน
9 มี.ค. 2560 รถบัสโดยสารปรับอากาศ พานักเรียนจาก จ.ขอนแก่น ไปทัศนศึกษา ตกลงเหวข้างทาง บริเวณถนนสาย 304 กบินทร์บุรี – นครราชสีมา หลัก กม.ที่ 208 หมู่ที่ 8 ตำบลบุพราหมณ์ อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี มีผู้เสียชีวิต 6 คน บาดเจ็บ 44 คน
20 พ.ค. 2560 เกิดอุบัติเหตุรถยนต์ ฮอนด้าแจ๊ส ชนต้นไม้ก่อนจะเกิดเพลิงลุกไหม้ เหตุเกิดถนนทางหลวงหมายเลข 304 ขาเข้า อ.นาดี ช่วงกิโลเมตรที่ 181 บริเวณยูเทิร์นเข้าหมู่บ้านแสนสุข บ้านหนองแต้ หมู่ 9 ต.หนองกี่ อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี มีผู้เสียชีวิต 5 คน
2 ต.ค. 2560 เกิดอุบัติเหตุ รถกระบะ อีซูซุ ดีเเม็กซ์ เสียหลักชนต้นไม้ข้างทาง บน ถนนสาย 304 ช่วง กม.ที่ 97 จาก อ.พนมสารคาม มุ่งหน้าเข้าเมืองฉะเชิงเทรา มีผู้เสียชีวิต 3 คน
ปี 2563
6 เม.ย. 2563 รถบรรทุกพ่วง 22 ล้อเบรกแตกพุ่งชนรถกระบะ ทำให้พลิกตะแคงขวางถนนเกิดไฟลุกไหม้ มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บหลาย บนถนนสาย 304 ช่วงทางลงเขาศาลปู่โทน
22 ก.ย. 2563 รถทัวร์คณะศึกษาดูงานของ อสม.ออกจากอำเภอโกสุมพิสัย จ.มหาสารคาม ไปศึกษาดูงานที่จังหวัดจันทบุรี เกิดอุบัติเหตุเบรกแตกชนกับรถบรรทุกเหล็ก และคันอื่นอีก 3 คัน บริเวณทางลงเขาศาลปู่โทน บาดเจ็บทั้งหมด 15 คน
21 ต.ค. 2563 รถบรรทุกพ่วง 22 ล้อ เบรกแตกเสียหลักชนแบริเออร์คอนกรีตดับ 1 เจ็บ 1 ราย
ปี 2564
15 พ.ค. 2564 รถบรรทุกน้ำตาลแหกโค้งพลิกคว่ำ คนขับ-ผู้โดยสารกระเด็นออกนอกรถ ตาย 1 เจ็บ 1
ปี 2566
5 ม.ค. 2566 รถบรรทุกพ่วงชนกันบนถนนสาย 304 ตรงข้ามศาลปู่โทน ไฟลุกท่วมรถ มีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส 1 คน
25 ก.พ. 2566 รถบรรทุกพ่วง 22 ล้อ ชนรถกระบะจนไฟลุกท่วม มีผู้เสียชีวิต 1 คน บาดเจ็บสาหัส 3 คน
ปี 2567
7 ก.พ. 2567 รถบรรทุกยางก้อน เสียหลักพุ่งข้ามเกาะกลาง ชนรถกระบะที่วิ่งสวนทางมา บริเวณหน้าศาลปู่โทน ทำให้คนขับรถบรรทุกเสียชีวิต และผู้โดยสารในรถกระบะบาดเจ็บ 2 คน
29 มี.ค. 2567 รถบัสคณะครูจากโรงเรียนเทพอุดมวิทยา อ.สังขะ จ.สุรินทร์ ชนรถบรรทุกพ่วง 22 ล้อ บริเวณหน้าศาลปู่โทน ถนนสาย 304 มีผู้บาดเจ็บ 13 คน
ปี 2568
26 กพ. 2568 รถบัสศึกษาดูงานเทศบาลพรเจริญ จ.บึงกาฬ พลิกคว่ำตกข้างทาง ที่ ทล.304 กม. 210+500 ขาเข้า ทางลงเขาศาลปู่โทน ต.บุพราหมณ์ อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี เบื้องต้น เสียชีวิต 18 ราย บาดเจ็บ 31 คน
การติดป้ายเตือน หรือตรวจรถแบบผิวเผินที่จุดสกัด อาจไม่สามารถป้องกันอุบัติเหตุบนเส้นทางนี้ได้อย่างแท้จริง เพราะรากของปัญหามีหลายมิติ ทั้งเรื่องโครงสร้างถนน ระบบเบรกของรถหนัก พฤติกรรมผู้ขับขี่ ความเข้มงวดของการตรวจสภาพรถ และช่องโหว่ในการบังคับใช้กฎหมาย
โดยเฉพาะกับรถโดยสาร 2 ชั้น ที่มีจุดศูนย์ถ่วงสูง เสี่ยงต่อการพลิกคว่ำมากกว่ารถธรรมดา หากใช้ความเร็วสูงหรือเสียการควบคุมระหว่างเข้าโค้ง ซึ่งยังไม่มีกฎห้ามชัดเจนในการใช้รถประเภทนี้บนเส้นทางภูเขาที่มีความลาดชันสูง
การเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงต้องเริ่มจากการยอมรับว่าเส้นทางนี้ไม่เหมาะกับรถบางประเภท และระบบเบรกของรถบรรทุกส่วนใหญ่ยังไม่แข็งแรงพอสำหรับสภาพเส้นทางลักษณะนี้ จำเป็นต้องมีการควบคุมเฉพาะ เช่น
เส้นทางนี้ไม่ควรต้องแลกด้วยชีวิตของใครอีก
ความเชื่อท้องถิ่นเรื่อง “ศาลปู่โทน” อาจสะท้อนความหวาดกลัวของชุมชนที่มีต่อจุดเสี่ยงแห่งนี้ แต่ความหวาดกลัวไม่ควรแทนที่การวางระบบความปลอดภัยที่มีประสิทธิภาพ
ถึงเวลาแล้วที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเปลี่ยนจากมาตรการเชิงรับเป็นการจัดการเชิงรุก การลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน การอบรมผู้ขับ และการออกกฎหมายที่มีผลบังคับใช้จริง คือสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ หากเราไม่ต้องการให้ “โค้งมรณะ” ยังคงเป็นชื่อเรียกของเส้นทางนี้ต่อไปอีกหลายสิบปี
ผู้เสียชีวิตนับสิบ บาดเจ็บนับร้อย ไม่ควรเป็นเพียงตัวเลขในรายงานอีกต่อไป แต่คือทรัพยากรของชาติที่สูญเสียไปอย่างน่าเสียดาย