สารหนู น้ำกกพ่นพิษหมู่บ้านท่องเที่ยว กะเหรี่ยงรวมมิตร ซบเซาหนักยอดหาย 80% ต้องปล่อยช้างหากินในป่า-เผยชาวบ้านจำนวนมากไม่รู้ข้อมูลยังคงใช้น้ำปนเปื้อนในวิถีชีวิต-ประมงจังหวัดส่งตัวอย่างปลาตรวจ คาดสัปดาห์หน้ารู้ผล
เมื่อวันที่ 23 เมษายน นายดา ควาญช้าง ปางช้างบ้านกะเหรี่ยงรวมมิตร ต.แม่ยาว อ.เมือง จ.เชียงราย เปิดเผยว่า ขณะนี้แม้ปางช้างกะเหรี่ยงรวมมิตรยังให้บริการนักท่องเที่ยวอยู่ แต่จำนวนนักท่องเที่ยวลดลงมากกว่า 80% โดยเมื่อต้นปีที่แล้วนักท่องเที่ยวยังเยอะมาก ทั้งนักท่องเที่ยวต่างชาติและคนไทย อย่างไรก็ตามเมื่อน้ำท่วมใหญ่ในกันยายน 2567 หมู่บ้านรวมมิตรและปางช้างที่บริการนักท่องเที่ยวริมแม่น้ำกกต่างได้รับความเสียหายหนักมาก
นายดา กล่าวว่า น้ำท่วมได้นำซากสิ่งก่อสร้างพัดลงมาในแม่น้ำ และมีการเปลี่ยนสายน้ำ เมื่อช้างลงไปเหยียบตะปูทำให้บาดเจ็บ จึงต้องงดการนำเที่ยวข้ามน้ำกก ต่อมาเมื่อมีการประกาศว่า แม่น้ำกกปนเปื้อนสารหนู จึงไม่มีใครกล้านำช้างลงน้ำอีกเลย และเปลี่ยนเส้นทางมาท่องเที่ยวบนบกและขึ้นดอยแทน
“ตอนนี้ควาญช้างส่วนมากเอาช้างไปเลี้ยงในป่าแล้ว เพราะนักท่องเที่ยวน้อยลงมาก จากที่ได้กันวันหนึ่งคนละ 1,500-2,000 บาท ตอนนี้บางวันไม่ได้เลย หลายคนต้องพัก ผมเองก็ต้องไปทำเกษตรก่อน หลายคนก็ไม่อยากเลี้ยงช้างแล้ว” นายดากล่าว
ด้านนายทวีศักดิ์ มณีวรรณ์ เครือข่ายสิทธิและชุมชน มูลนิธิสายรุ้งแม่น้ำโขง กล่าวว่า ขณะนี้เครือข่ายฯ พี่น้องลุ่มน้ำหลายสายในเชียงราย ที่รวมกันเป็นเครือข่ายฯ กำลังร่วมกันต่อสู้เรื่องเขตอุทยานลำน้ำกก ที่รวมแม่น้ำกกอยู่ในเขตอุทยานด้วย โดยเมื่อมีเรื่องสารหนูปนเปื้อนในแม่น้ำกก ชาวบ้านถูกห้ามลงสัมผัสน้ำกกอีก ทำให้ต้องนำมาพูดคุยในการประชุมเครือข่ายฯ ในวันที่ 21 เมษายนที่ผ่านมา เพื่อทำความเข้าใจเพราะชาวบ้านหลายคนยังไม่รู้ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ต้องทำอย่างไรบ้าง และต้องการให้หน่วยงานชี้แจงให้ชาวบ้านเข้าใจ ต้องแก้ไขปัญหาทั้งเฉพาะหน้าให้ชาวบ้านในชุมชนได้เข้าใจว่าต้องทำอย่างไร และนานแค่ไหน การแก้ไขปัญหาระยะยาวทางรัฐบาลต้องเร่งดำเนินการ
“ก่อนนั้นเราเจออุทกภัยน้ำท่วม วันนี้มีเรื่องสารหนูในแม่น้ำกกอีก แต่พวกเราแทบไม่รู้เรื่องหรือมีข้อมูลจากภาครัฐเลย เรากลัว ไม่รู้ว่าต่อไปต้องทำอย่างไร น้ำประปาปลอดภัยไหม น้ำใต้ดินที่อยู่ริมน้ำกก จะปลอดภัยไหม และพืชริมน้ำที่เก็บกิน อย่างผักกูด ยังเก็บกินได้ไหม ผักที่ปลูกริมน้ำที่สูบน้ำจากน้ำกกมารด ที่ส่งไปขาย ยังปลอดภัยไหม เราต้องการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาตรวจให้ชัดเจน เราต้องการให้ตรวจตะกอนดินด้วยเพราะไม่รู้ว่ามีการตกค้าง ส่งผลต่อสัตว์น้ำ หรือปลาในแม่น้ำที่เอามากินในครัวเรือนว่ายังปลอดภัยอยู่ไหม” นายทวีศักดิ์กล่าว
นายบุญศรี พนาสว่างวงค์ เครือข่ายสิทธิชุมชนเชียงราย กล่าวว่า เมื่อถูกห้ามไม่ให้ลงน้ำกก สำหรับชาวบ้านริมน้ำแล้วเหมือนวิถีชีวิตถูกตัดขาดจากที่เคยเป็น เพราะชาวบ้านต้องใช้น้ำกินน้ำใช้ ชีวิตผูกพันกับสายน้ำซึ่งเป็นแหล่งอาหาร ลำพังชาวบ้านช่วยตัวเองไม่ได้ ต้องการให้ทางหน่วยงานมาให้ข้อมูลว่าต้องทำอย่างไร ให้ตรวจสอบทั้งน้ำ ดิน และสุขภาพร่างกายของชาวบ้าน เพราะในชุมชนมีเด็กบางคนเริ่มมีอาการ หลังจากขึ้นจากน้ำมีตุ่มขึ้นตามตัวโดยไม่รู้ว่าเกี่ยวกับสารหนูหรือไม่
นายบุญศรีกล่าวว่า ไม่ทราบที่ผู้ว่าราชการเชียงรายประกาศให้ รพ.สต.กับ อปท. เป็นศูนย์รับแจ้งเหตุการป่วยที่สงสัยว่าจะเกิดจากสารปนเปื้อนในน้ำกก เท่าที่เห็นไม่มีใครเข้ามาแจ้งในชุมชนเลย ชาวบ้านยังไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรต่อไป นอกจากไม่ลงน้ำกก
นายพิริมู่ ณ คีรี ผู้แทนมูลนิธิพัฒนาพื้นที่สูง กล่าวว่า ตนเองอยู่ใน ต.ห้วยชมภู แม่น้ำกกฝั่งขวา มีกว่า 20 ชุมชนที่อยู่ริมน้ำกก ชาวบ้านมีวิถีชีวิตผูกพันกับน้ำกก หาอยู่หากินอยู่ที่นั่น ปกติเด็กๆก็ใช้ชีวิตเล่นน้ำ ช่วงว่าง ๆ หลังเลิกเรียน ตอนนี้รู้สึกกังวลเรื่องเด็ก ๆ ที่จะได้รับผลกระทบจากสารเคมีที่จะเข้าสู่ร่างกาย ขณะที่ชาวบ้านหาปลาเก็บผักริมน้ำกก ต่างกลัวว่าจะได้รับสารเคมีตกค้างหรือปนเปื้อนเข้าสู่ร่างกายในอนาคต
“ตอนที่ฤดูฝนเปลี่ยนเข้าสู่ฤดูแล้งน้ำในแม่น้ำกกก็ยังขุ่น ชาวบ้านรู้สึกผิดสังเกต เราสงสัยว่ามีอะไรผิดปกติที่ต้นน้ำกก พอหลังจากที่หน่วยงานประกาศให้งดลงน้ำกก จึงพอรู้ เท่าที่เห็นตอนนี้เริ่มไม่ลงน้ำกันแล้ว แต่ว่าบางคนก็ยังใช้น้ำอยู่ พี่น้องที่ทำไร่ทำสวนยังต้องสูบน้ำขึ้นมาใช้ในการเกษตร เขายังใช้เป็นปกติเพราะไม่รู้ว่ามีการประชาสัมพันธ์ของหน่วยงานรัฐ หรือมีประกาศจากแหล่งอื่น ชาวบ้านไม่ได้รับข่าวสารโดยตรง ถ้าเป็นไปได้อยากให้มีการประชาสัมพันธ์ให้ข้อมูลถึงพี่น้องเกษตรกรที่อยู่สองฝั่งแม่น้ำกก ให้เขาได้ตื่นตัวและเฝ้าระวัง การใช้น้ำน้อยลงหรือไม่ต้องใช้เลยถ้ามีสารปนเปื้อนจริง”นายพิริมู่ กล่าว
นายพิริมู่กล่าวว่า การประชาสัมพันธ์เสียงตามสายในหมู่บ้าน เป็นสิ่งที่จำเป็นมาก แต่ต้องสม่ำเสมอในการกระจายข่าวให้ชาวบ้านรับรู้ เพราะตอนนี้ที่รู้วยังเป็นคนส่วนน้อย บางคนไม่รู้เลยและยังใช้ชีวิตเหมือนเดิม เขาเห็นแค่ว่าน้ำกกขุ่น แต่ไม่รู้ว่ามีสารปนเปื้อนอย่างไร
ด้านนายณัฐรัฐ พรเดชอนันต์ ประมงจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า ในสัปดาห์ที่ผ่านมาทางประมงจังหวัดเชียงรายได้เก็บตัวอย่างปลาจากแม่น้ำกก ในเขตพื้นที่ อ.เมือง ส่งไปตรวจสอบที่สำนักสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1 เชียงใหม่ (คพ.1)ว่ามีโลหะหนักในสัตว์น้ำหรือไม่ คาดว่าในสัปดาห์หน้าน่าจะทราบผล ส่วนเรื่องการนำเสนอข่าวว่ามีปลาในแม่น้ำกกมีลักษณะผิดปกติ สงสัยว่าจะเป็นผลจากสารปนเปื้อนหรือไม่นั้น ทางประมงจังหวัดกำลังอยู่ในระหว่างตรวจสอบข้อมูล และนายอาวีระ ภัคมาตร์ ผอ. คพ.1 ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ ลงพื้นที่เก็บตัวอย่างน้ำผิวดินและตะกอนดินในแหล่งน้ำกก จำนวน 9 สถานี ในพื้นที่ อ.เชียงแสน อ.แม่จัน และ อ.เมือง ระหว่างวันที่ 21-22 เมษายน เพื่อติดตามสถานการณ์และเฝ้าระวัง ซึ่งจะมีการรายงานผลการตรวจสอบต่อไป