สกัดยับ! กระบะขนแรงงานต่างด้าวแน่นคัน 30 ชีวิต ตำรวจทางหลวงรวบคาถนนพหลโยธิน เตรียมส่งกลับประเทศ
ตำรวจสอบสวนกลาง และตำรวจทางหลวง โชว์ผลงานสกัดจับขบวนการลักลอบขนแรงงานต่างด้าวรายใหญ่ บริเวณถนนพหลโยธิน ขาเข้าเมืองนครสวรรค์ หลังพบรถกระบะ 2 คัน ขับขี่ด้วยท่าทีมีพิรุธ บรรทุกคนแน่นคันจนผิดสังเกต ก่อนรวบผู้ต้องหาชาวเมียนมา 2 ราย พร้อมแรงงานเถื่อนอีก 30 ราย ขณะเตรียมมุ่งหน้าส่งปลายทาง จ.สมุทรสาคร
เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.ทล. ตรวจสอบเส้นทางบริเวณถนนพหลโยธิน ทล.1 ต.หนองกรด อ.เมืองนครสวรรค์ พบรถยนต์กระบะ 2 คัน ขับมาด้วยความเร็วสูง สภาพรถมีน้ำหนักบรรทุกมากกว่าปกติ ติดฟิล์มดำมิดชิด เจ้าหน้าที่จึงขับตามประกบและส่งสัญญาณให้หยุดรถ ก่อนที่ทั้งสองคันจะหยุดบริเวณ กม.355 ต.หนองกรด
ตรวจสอบเบื้องต้นพบ นายมิด อายุ 28 ปี และนายลาซิน อายุ 31 ปี สัญชาติเมียนมา เป็นผู้ขับขี่รถยนต์คนละคัน โดยในรถคันแรกพบบุคคลต่างด้าว 20 คน ส่วนอีกคันพบอีก 10 คน รวมทั้งหมด 30 คน เบียดเสียดกันอยู่ในรถอย่างกับปลากระป๋อง
เจ้าหน้าที่นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางมายัง ส.ทล.4 กก.1 บก.ทล. ตรวจสอบอย่างละเอียด พบว่าบุคคลต่างด้าวทั้งหมดไม่มีหนังสือเดินทางหรือเอกสารใด ๆ แสดงตัวตนได้ จึงควบคุมตัวส่ง สภ.เมืองนครสวรรค์ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
สอบสวนเบื้องต้น นายมิดกับนายลาซิน ให้การรับสารภาพว่า ได้รับการว่าจ้างจากชายไม่ทราบชื่อในเมียนมา ให้ไปรับแรงงานต่างด้าวที่ อ.แม่สอด จ.ตาก เพื่อส่งไปยัง จ.สมุทรสาคร โดยตกลงค่าจ้างครั้งละ 10,000 บาท ทั้งคู่ยอมรับรู้ดีว่าผู้โดยสารไม่มีเอกสารถูกต้องตามกฎหมาย แต่ยินดีนำส่งปลายทาง กระทั่งมาถูกจับเสียก่อน
ขณะที่แรงงานต่างด้าวทั้ง 30 คน ให้การตรงกันว่า ลักลอบข้ามแดนผ่านช่องทางธรรมชาติเข้ามาในพื้นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก โดยมีนายหน้าพาเดินทางมาขึ้นรถ เพื่อหางานทำในไทยโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ เพราะมีผู้ว่าจ้างเป็นผู้จัดการทั้งหมด
ตำรวจแจ้งข้อหา นายมิดและนายลาซิน ฐาน “ซ่อนเร้นหรือช่วยเหลือคนต่างด้าวที่หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย” ส่วนแรงงาน 30 คน ถูกแจ้งข้อหา “เป็นคนต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต” พร้อมเร่งขยายผลหาผู้เกี่ยวข้องเพิ่มเติม
ที่มา: ตำรวจทางหลวง
ตำรวจแจ้งข้อหา นายมิดและนายลาซิน ฐาน “ซ่อนเร้นหรือช่วยเหลือคนต่างด้าวที่หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย” ส่วนแรงงาน 30 คน ถูกแจ้งข้อหา “เป็นคนต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต” พร้อมเร่งขยายผลหาผู้เกี่ยวข้องเพิ่มเติม
ที่มา: ตำรวจทางหลวง
