โรงพยาบาล ยอมรับแล้ว ให้เลือดผิดกรุ๊ป เหยื่อปูนหล่นพระราม 2 จนตาย อ้าง เหตุรักษาเร่งด่วน

ออกมาตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับการรักษา หลังมีข้อมูลว่าโรงพยาบาลอาจให้เลือดผิดกรุ๊ปในขั้นตอนการช่วยชีวิต

หนึ่งในตัวแทนครอบครัว เปิดเผยกับสื่อว่า ครอบครัวรู้สึกเจ็บปวดกับสิ่งที่เกิดขึ้น ความปลอดภัยบนถนนพระราม 2 ว่าควรมีมาตรการที่เข้มงวดและจริงใจมากกว่านี้ เพราะเกิดขึ้นซ้ำซากมายาวนาน ไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงที่เป็นรูปธรรมเลยแม้แต่น้อย

ครอบครัวยังตั้งข้อสังเกตเพิ่มเติมถึงขั้นตอนการรักษาหลังเกิดอุบัติเหตุ โดยเฉพาะเรื่องที่ได้รับแจ้งจากโรงพยาบาลสมุทรสาคร ว่าโรงพยาบาลแห่งแรกซึ่งเป็นสถานพยาบาลเอกชน ได้ให้เลือดผิดกรุ๊ปจาก B ไปเป็น A จำนวนถึง 12 ถุง ซึ่งเป็นการให้เลือดเพื่อรักษาภาวะตับฉีกขาดและเสียเลือดภายในช่องท้องอย่างหนักหลังอุบัติเหตุ

นายกัญญากร ทองขำ น้องชายผู้เสียชีวิต เผยว่า ทีมแพทย์ที่สมุทรสาครตรวจพบความผิดปกติในเลือดจึงตรวจซ้ำ จนทราบว่าผู้เสียชีวิตมีกรุ๊ปเลือด B ไม่ใช่ A อย่างที่ได้รับมา พร้อมตั้งคำถามว่า ทำไมโรงพยาบาลแรกถึงไม่แจ้งญาติหรือยืนยันกรุ๊ปเลือดก่อนให้เลือด ทั้งที่มีการเจาะตรวจเลือดต่อหน้า

ทั้งนี้ ภรรยาและครอบครัวเตรียมนำร่างนายอำนาจกลับไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิดในจังหวัดนครสวรรค์ และจะทำพิธีฌาปนกิจในวันเสาร์นี้

ทางทนายความซึ่งเป็นญาติของผู้เสียชีวิต ให้ข้อมูลว่า ครอบครัวยังอยู่ระหว่างรวบรวมเอกสารทางการแพทย์และพยานหลักฐานทั้งหมด เพื่อดำเนินการทางกฎหมายกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่จะดำเนินการหลังเสร็จพิธีทางศาสนา

ในเบื้องต้น ผลชันสูตรระบุว่า สาเหตุการเสียชีวิตคือ “ตับฉีกขาดและมีเลือดออกในช่องท้อง” จากแรงกระแทกของวัตถุตกจากที่สูง อย่างไรก็ตาม ประเด็นการให้เลือดผิดกรุ๊ปยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบและรอเอกสารยืนยันจากโรงพยาบาล

ล่าสุด 2 พฤษภาคม เฟซบุ๊กเพจไทยรัฐนิวส์โชว์ ได้โพสต์ความคืบหน้า ระบุว่า “รพ.ยอมรับ! ให้เลือดผิดกรุ๊ปจริง เคสเศษปูนหล่นใส่รถพระราม 2 จนคนไข้เสียชีวิต ชี้เป็นเหตุฉุกเฉินและเร่งช่วยเหลือ”

ทั้งนี้ โดยทั่วไปแล้ว การให้เลือดผิดหมู่ ถือเป็นภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์ที่ร้ายแรงมาก สามารถนำไปสู่การเสียชีวิตได้อย่างรวดเร็ว ผลกระทบหลักๆ เกิดจากปฏิกิริยาทางภูมิคุ้มกันอย่างรุนแรงที่เรียกว่า “ปฏิกิริยาการสลายตัวของเม็ดเลือดแดงเฉียบพลัน” ซึ่งมีกลไกและผลกระทบต่อร่างกายดังนี้

ร่างกายของคนเรามีระบบหมู่เลือด ABO ซึ่งกำหนดโดยแอนติเจน (Antigen) บนผิวเม็ดเลือดแดง และแอนติบอดี (Antibody) ในน้ำเลือด (Plasma) ที่จำเพาะต่อแอนติเจนที่ตัวเองไม่มี เช่น คนเลือดกรุ๊ป O จะมีแอนติบอดีต่อทั้ง A และ B (Anti-A และ Anti-B) ในขณะที่คนกรุ๊ป A จะมีแอนติบอดีต่อ B (Anti-B)

เมื่อให้เลือดผิดกรุ๊ป เช่น ให้เลือดกรุ๊ป A แก่คนไข้กรุ๊ป O แอนติบอดี Anti-A ในเลือดของคนไข้จะเข้าจับกับแอนติเจน A บนผิวเม็ดเลือดแดงของผู้ให้ที่ได้รับเข้าไปทันที

การจับกันของแอนติเจนและแอนติบอดีนี้ จะกระตุ้นระบบคอมพลีเมนต์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้เม็ดเลือดแดงของผู้ให้ที่ได้รับเข้าไปนั้นแตกสลายอย่างรวดเร็วภายในหลอดเลือดของผู้ป่วย

ผลกระทบที่ตามมาจากการแตกของเม็ดเลือดแดง ฮีโมโกลบินที่อยู่ภายในจะถูกปล่อยออกมาในกระแสเลือด ฮีโมโกลบินอิสระนี้เป็นพิษต่อร่างกาย โดยเฉพาะต่อไต ทำให้เกิดภาวะไตวายเฉียบพลันได้

นอกจากนี้ สารต่างๆ ที่ปล่อยออกมาจากเม็ดเลือดแดงที่แตก และการกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันอย่างรุนแรง สามารถกระตุ้นระบบการแข็งตัวของเลือด ทำให้เกิดลิ่มเลือดเล็กๆ อุดตันตามหลอดเลือดฝอยทั่วร่างกาย ซึ่งใช้องค์ประกอบในการแข็งตัวของเลือดไปจนหมด ทำให้เกิดภาวะเลือดออกง่ายผิดปกติตามมาในภายหลัง เป็นภาวะที่ซับซ้อนและอันตรายมาก

การอักเสบทั่วร่างกายและการปล่อยสารต่างๆ ทำให้หลอดเลือดขยายตัว ความดันโลหิตตกอย่างรุนแรง เกิดภาวะช็อก ร่างกายขาดออกซิเจนไปเลี้ยงอวัยวะสำคัญ