ล้งส่งออกทุเรียนฤดูกาลภาคตะวันออกลดลงฮวบเหลือไม่ถึง 300 ราย เทียบปีก่อนกว่า 1,000 ราย จีนยังตรวจ BY2 เข้ม 100% เถ้าแก่จีนขาดทุนระนาว เปิดเบื้องลึก BY2 ที่พบปนเปื้อนที่กั้นกล่องผลิตจากโรงงานในจีนส่งมาขาย ทำให้เปื้อนเปลือกทุเรียน แต่จีนไม่ยอมผ่อนปรน ด่านจีนแจ้งพร้อมเปิดทำงานให้ 24 ชั่วโมงไม่มีวันหยุด กระทรวงเกษตรฯยัน 9 แล็บ รับมือได้ช่วงทุเรียนพีก
แหล่งข่าวจากโรงคัดบรรจุส่งออกทุเรียนหลายรายเปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ฤดูกาลทุเรียนภาคตะวันออกปีนี้ ส่งออกน่าจะลดลงกว่า 50% จากล้งทุเรียนภาคตะวันออกที่จดทะเบียน 807 แห่ง อย่างต้นเดือนพฤษภาคม ล้งที่เปิดรับซื้อมีไม่ถึง 300 ล้ง หากเทียบปีที่ผ่านมามีมากกว่า 1,000 ราย ส่วนหนึ่งเพราะล้งเปิดกิจการแต่ยังไม่เปิดรับซื้อทุเรียนตอนนี้ เพราะขอรอดูท่าที
เนื่องจากที่ผ่านมีล้งหลายรายถูกระงับเลขส่งออก DOA จากการตรวจพบสารย้อมสี Basic Yellow หรือ BY2 ทำให้ประสบปัญหาขาดทุนกันหนัก ไม่มีเงินลงทุนต่อ ต้องยอมรับว่า เงินทุนซื้อทุเรียนมาจากจีน 90% ปัจจุบันเถ้าแก่จีนจะไม่สนับสนุนเงินทุน เพราะเศรษฐกิจจีนไม่ค่อยดีนัก
ปัญหาการส่งออกทุเรียนขณะนี้คือ จีนยังไม่ผ่อนปรนการตรวจเปลือกทุเรียน ยังบังคับต้องไม่มีการปนเปื้อน (Not Detect) ใด ๆ ที่เปลือก ขณะที่การตรวจพบ BY2 ตอนนี้ได้มีการพิสูจน์แล้ว เป็นการปนเปื้อนจากกระดาษที่กั้นในกล่องทุเรียนที่ผลิตจากโรงงานในประเทศจีนส่งมาขาย และค่าต่ำมากไม่เกิน 10 ppb ซึ่งไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ
แต่ไม่เข้าใจว่าเหตุใดจีนยังไม่ยอมรับข้อเสนอของไทย ทางกลุ่มสมาคมและเครือข่ายต่าง ๆ ขอให้รัฐบาลเจรจากับทางการจีน ขอให้ใช้มาตรฐานการตรวจสอบสารปนเปื้อน BY2 แบ่งเป็น 2 ค่า คือ การตรวจที่เนื้อทุเรียนให้ตรวจแบบไม่พบ (Not Detected) ได้
แต่ในส่วนที่เปลือก ขอให้มีเกณฑ์ขั้นต่ำที่รับได้ คือ 10 ไมโครกรัมต่อกิโลกรัม หรือ 10 ppb ซึ่งน้อยมาก และเปลือกไม่ได้เป็นส่วนที่กิน ที่สำคัญ ไม่ได้พบในเนื้อทุเรียนเลย
ตอนนี้ทางการไทยเองตรวจเข้ม ครั้งที่ 1 ถ้าตรวจพบถูกอายัดห้ามเคลื่อนย้าย และให้แก้ไขเพื่อสุ่มตรวจครั้งที่ 2 ถ้าตรวจพบให้หยุดแพ็ก 7 วัน และตรวจพบครั้งที่ 3 คือ ระงับเลข DOA ส่งออกไม่ได้ และถูกปรับจากสาธารณสุขจังหวัด 20,000 บาท ผู้ส่งออกบางรายไม่กล้าเสี่ยงขนส่งตู้ไปรอที่ด่านจีน
ถ้าตรวจพบต้องขนส่งตู้กลับมา เสียหายมากจากราคาทุเรียน 3-4 ล้านบาทต่อตู้ (18 ตัน) จะเหลือเพียง 1 ล้านบาท และบางครั้งระหว่างการขนส่ง ถ้าแล็บที่ตรวจถูกระงับไม่รับรองผลจากจีน จะเสียหายมากเพราะต้องหาแล็บตรวจใหม่
รวม ๆ ระยะเวลาขนส่งใช้เวลา 13-15 วัน จากปกติไม่เกิน 10วัน ทำให้มีปัญหาตู้ขาดแคลน ทุเรียนเสียหาย รวมทั้งค่าใช้จ่ายตรวจ BY2 ที่เพิ่มสูงขึ้น ปกติตัวอย่างละ 5,243 บาท ถ้าเร่งด่วน 9,500 บาท ค่าตรวจกล่องครั้งเดียว 4,000 บาท
“เมื่อจีนยังสุ่มตรวจทุกตู้ และยังไม่ยอมรับผลที่เจอที่เปลือก 10 ppb ที่ไม่เป็นอันตราย ยังให้เป็น Not Detect หากตรวจครั้งที่1 พบจากกระดาษที่คั่นในกล่องเพียง 1 ppb ต้องตรวจซ้ำแม้จะขายในไทยเหมือนกับจีน และการรอผลแล็บ เข้าใจว่าแล็บส่งให้ด่านเพราะถ้าไม่ผ่านจะอายัดได้ แต่ล้งต้องรอผลจากแล็บที่ด่านส่งกลับมาก่อน ทำให้ยุ่งยากเสียเวลาเพราะด่านไม่ส่งผลแล็บให้ล้งโดยตรง
รวมทั้งเรื่อง BY2 ที่กล่อง กรมวิชาการน่าจะมีคำแนะนำ หรือทดลองใช้วัสดุอื่น ๆ รวมทั้งค่าใช้จ่ายสูงตรวจ BY2 ปกติตัวอย่างละ 5,243 บาท ถ้าเร่งด่วน 9,500 บาท ค่าตรวจกล่องครั้งเดียว 4,000 บาท เป็นเรื่องที่อยากให้รัฐบาลช่วยแก้ไข” แหล่งข่าวจากผู้ประกอบการโรงคัดบรรจุกล่าว
แหล่งข่าวจากกระทรวงเกษตรฯกล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า แล็บเปิดบริการตรวจ BY2 และสารแคดเมียม (Cd) ส่งออกไปจีน จากที่ประกาศล่าสุด 9 แห่งเมื่อวันที่ 24 เม.ย. 68 คาดว่าเพียงพอให้บริการในช่วงพีกวันละ 700-800 ตู้แน่นอน แม้ว่าจีนยังตรวจเข้ม 100% เพราะทุเรียนมีปริมาณไม่มากและผลผลิตกระจายตัว โรงคัดบรรจุจะไม่เร่งรีบปล่อยตู้ไปก่อนและรอรับผลแล็บที่ด่านเหมือนก่อน
เพราะเสี่ยงต่อการตรวจรับรองไม่ผ่าน ถ้าผลมีตรวจไม่ผ่าน ต้องตีกลับตู้มาอายัดที่แผง พอมีข่าวว่าแล็บจะถูกปิดอีก หลายล้งจึงกังวลว่าจะต้องสุ่มใหม่ จึงใช้วิธีรอผลรับรองก่อน โดยยอมเสียค่าบริการให้แล็บแบบเร่งด่วนภายในวันเดียว
สำหรับรายชื่อแล็บ 9 แห่ง ประกอบด้วย บริษัท ห้องปฏิบัติการกลาง (ประเทศไทย) จำกัด สาขาเชียงใหม่ สาขากรุงเทพฯ สาขาสงขลา สาขาขอนแก่น บริษัท ศูนย์ห้องปฏิบัติการและวิจัยทางการแพทย์และการเกษตรแห่งเอเชีย จำกัด (มหาชน) บริษัท บูโร เวอริทัส เอคิวแล็บ (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท อินเตอร์เทค เทสติ้ง เซอร์วิสเซส (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท รับตรวจสินค้าโพ้นทะเล จำกัด บริษัท เอแอลเอส แลบอราทอรี กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด
ทั้งนี้ รายงานจากสำนักควบคุมพืชและวัสดุการเกษตรแจ้งว่า GACC ได้กำชับด่านที่เกี่ยวข้องให้ใช้วิธีการทำงานพิเศษตลอด 24 ชั่วโมงต่อวัน และตลอด 7 วันต่อสัปดาห์ รวมทั้งเพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่และอุปกรณ์ตรวจสอบเพิ่มเติม จีนจะทำงานร่วมกับไทยเพื่อสำรวจมาตรการอำนวยความสะดวกอื่น ๆ