ทำความรู้จัก G-Token พันธบัตรรัฐบาลดิจิทัล ทางเลือกการออมแบบใหม่ของคนไทย เป็นไปตามกรอบของกฎหมายฉบับใดบ้าง เทียบความต่างกับแบบเดิม พร้อมรายละเอียดการซื้อขาย
หลังจากที่ ครม. เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการออกโทเคนดิจิทัล พ.ศ. …. เพื่อให้กระทรวงการคลังสามารถออกและเสนอขายโทเคนดิจิทัลของรัฐบาล (Government Token : G-Token) หนึ่งในเครื่องมือการระดมทุนรูปแบบใหม่ที่สามารถทดแทนการออกพันธบัตรออมทรัพย์ได้
ประชาชาติธุรกิจ พาไปทำความรู้จัก G-Token หรือพันธบัตรดิจิทัลของรัฐบาล
G – Token คือ หรือพันธบัตรรัฐบาลใหม่ ที่รัฐบาลออกและเสนอขายโดยกระทรวงการคลังในรูปแบบดิจิทัล ถือเป็นเครื่องมือใหม่ในการระดมทุนของรัฐบาลที่นำเทคโนโลยีประยุกต์ใช้กับเครื่องมือทางการเงินตามเหตุผล ดังนี้
1.
2. ความโปร่งใสส่งผลให้ประชาชนสามารถเข้าถึงโอกาสทางเศรษฐกิจและสังคมได้อย่างทั่วถึง
3. ส่งเสริมและเพิ่มโอกาสให้ประชาชน โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่มีทางเลือกในการลงทุน
4. เพิ่มความปลอดภัยและโปร่งใส โดยการใช้ระบบ G-Token ภายใต้พ.ร.ก. สินทรัพย์ดิจิทัล
5. ลดต้นทุนการในการดำเนินการของสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) จากปัจจุบัน สบน. เสียค่าดำเนินการอยู่ราว 0.03% ของวงเงินจำหน่าย โดยพชร อนันตศิลป์ ผู้อำนวยการ สบน. ยืนยันว่า การออก G -Token จะมีต้นทุนการดำเนินการต่ำกว่าปัจจุบัน
6. เพื่อให้ซื้อขายในตลาดรอง (Secondary Market) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การออกจีโทเคนในครั้งนี้ถือเป็นการเพิ่มทางเลือกการออมใหม่ โดยการใช้เครื่องมือการระดมทุนรัฐบาลแบบดิจิทัลครั้งแรกของโลกที่รัฐบาลใช้ในการกู้เงินจากประชาชนโดยตรง เนื่องจากในหลายประเทศอาทิ สหราชอาณาจักร ยังอยู่ระหว่างดำเนินการ หรือฮ่องกง ที่ใช้เครื่องมือลักษณะเดียวกันนี้ระดมทุนเกี่ยวเศรษฐกิจสีเขียว
การออก G-Token เป็นไปตามกรอบของกฎหมาย 2 ฉบับ ได้แก่
นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า G-Token จะมีลักษณะคล้ายกับพันธบัตรรัฐบาลในรูปแบบ Digital Asset โดยปกติแล้ว การที่ประชาชนจะซื้อพันธบัตรรัฐบาลต้องใช้เงินก้อนใหญ่ ซึ่งไม่ตอบสนองต่อประชาชนรายย่อยที่อยากเข้าซื้อ
การมี G-Token ที่เป็นลักษณะเหมือน Token จะมีการระบุว่า ใน Token ต่าง ๆ จ่ายดอกเบี้ยเท่าไหร่ ได้เงินคืนเมื่อไหร่ เช่นเดียวกับพันธบัตรรัฐบาล โดยข้อมูลจะระบุอยู่ใน Smart Contact ของ Token นั้น ๆ เป็นข้อดีของ G-Token ที่ทำให้แตกต่างจากพันธบัตรแบบเดิมคือ G-Token สามารถแตกเป็นหน่วยลงทุนย่อยได้ ส่งผลให้ประชาชนที่มีรายได้น้อยก็สามารถเข้าถึงการออมและสามารถลงทุนได้ง่าย และสามารถมีส่วนร่วมระดมทุนในการลงทุนต่าง ๆ ได้
พชร เปิดเผยไทม์ไลน์ว่า การเสนอขายให้กับประชาชนครั้งแรกเร็วที่สุด ภายในเดือนกรกฎาคม 2568 และภายในเดือนกันยายนอย่างช้าที่สุด ในวงเงินไม่เกิน 5,000 ล้านบาท โดยผู้มีสิทธิ์ซื้อในตลาดแรกคาดว่า จะกำหนดให้เฉพาะบุคคลธรรมดาเท่านั้น
โดยตั้งเป้าการขายในราคาเริ่มต้นที่หน่วยลงทุนในเป็นหน่วยย่อยที่สุด อาจจะเป็น 1 โทเค็น เท่ากับ 1 บาท หรือมากที่สุดไม่เกิน 1 โทเค็น เท่ากับ 100 บาท และวิธีการดำเนินการจัดจำหน่ายที่เหมาะสม ผ่านบริษัทหลักทรัพย์ ศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล ที่ได้รับใบอนุญาตศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลได้ของ ก.ล.ต. โดยเฉพาะในตลาดรอง
ซึ่งประชาชนที่จะซื้อจะต้องมีบัญชีกับศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลที่ได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) หรือผ่านแอปฯ ของบริษัทหลักทรัพย์ที่เข้าร่วมโครงการ
มีรูปแบบเป็นเอกสารหรือระบบไร้ใบหลักทรัพย์ โดยการเข้าถึงสามารถซื้อผ่านธนาคารพาณิชย์หรือตัวแทนจำหน่าย ส่วนการซื้อขายในตลาดรองสามารถซื้อขายผ่านตลาดตราสารหนี้ได้ โดยมักมีมูลค่าขั้นต่ำค่อนข้างสูง และอาจมีความคล่องตัวน้อยกว่า G-Token