ชวนคนไทย “สุขสำราญ” (Indulgent Bliss) อร่อยแบบสะดวกและคุ้มค่า คุณสุรสิทธิ์ สัจจะเดว์ CEO และผู้ก่อตั้ง Hungry Hub

หนึ่งในความสุขและความสนุกของผู้คนทั่วไปในชีวิตประจำวัน และนักท่องเที่ยวไทยไปจนถึงชาวต่างชาติ ยากที่จะไม่มีเรื่อง “อาหาร” โดยเฉพาะในประเทศไทยที่มีผู้ประกอบการธุรกิจร้านอาหารจำนวนมากรอพร้อมเสิร์ฟความอร่อยหลากหลาย ทั้งยังมีให้เลือกนานาประเภทและรูปแบบบริการ เช่น ร้านอาหารสตรีทฟู้ด ร้านอาหารสุขภาพ ร้านอาหารทั่วไป ร้านอาหารสไตล์บุฟเฟต์ หรือร้านอาหารไฟน์ไดนิ่ง ให้เลือกเปิดประสบการณ์ใหม่ได้

กล่าวได้ว่ามีให้เลือกอร่อยไม่มีวันหยุด มีหลายร้านและร้านที่สลับสับเปลี่ยนกันไปให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง อย่างไรก็ดีผู้บริโภคจำนวนไม่น้อยยังมีอุปสรรคในการเข้าถึง ทำให้ Hungry Hub แพลตฟอร์มจองร้านอาหารที่ช่วยให้การอร่อยกับอาหารนอกบ้านง่ายขึ้นและคุ้มค่าขึ้น เกิดขึ้นใน พ.ศ.

ปัจจุบัน Hungry Hub ยังคงช่วยผลักดันการเติบโตของธุรกิจร้านอาหารในประเทศไทยและยังเป็นหนึ่งในภาคธุรกิจที่เข้าร่วมแคมเปญ Fresh Your Feel, Heal Your Soul “ทริปฮีลใจ เติมไฟให้ชีวิต” ร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สร้างแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิตและกระตุ้นเศรษฐกิจไทยให้เดินหน้า มากกว่านั้นได้รับเกียรติจาก คุณสุรสิทธิ์ สัจจะเดว์ CEO และ ผู้ก่อตั้ง Hungry Hub มาแบ่งปันมุมมองทิศทางธุรกิจร้านอาหาร ที่ไม่เพียงบอกเล่าภาพรวมตลาด แต่ยังมาพร้อมคำแนะนำเพื่อการพัฒนาสำหรับผู้ประกอบการต่อไป

ทิศทางการตลาดอาหารและบุฟเฟต์ พ.ศ. 2568-2569 และประเภทอาหารที่ได้รับความนิยมมากที่สุด
ต้องบอกว่าตลาดอาหารและบุฟเฟต์ค่อนข้างท้าทายมากครับในช่วงเวลานี้ เนื่องจากกำลังซื้อของผู้บริโภคในประเทศยังไม่กลับมา รวมถึง 3 เดือนแรกของ พ.ศ.

ส่วนในเรื่องประเภทอาหารที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ไปจนถึงประเภทอาหารที่มีแนวโน้มได้รับความนิยมมากขึ้นจากข้อมูลในการใช้บริการที่ผ่านมาพบว่า ใน พ.ศ. 2568 อาหารประเภทบุฟเฟต์ยังคงเป็นอาหารที่คนไทยชื่นชอบและได้รับความนิยมเป็นอันดับต้นๆ ในภาพรวม ในขณะที่ประเภทอาหารที่ได้รับความนิยมมากขึ้นอันดับแรกคืออาหารจีนที่สมัยก่อนคนจะนึกถึงอาหารจีนแนวติ่มซำหรือเป็ดปักกิ่ง แต่ปัจจุบันเพิ่มมากขึ้นไปในทางอาหารจีนที่ปรุงด้วยรสชาติหม่าล่า หรือแนวอาหารประจำจังหวัดหรือมณฑลของจีนที่มาพร้อมกับเทรนด์ที่ยังตอบโจทย์คนไทย นอกจากนี้ผู้บริโภคจำนวนไม่น้อยก็เริ่มจะมาทดลองตลาดไฟน์ไดนิ่งและโอมากาเสะเพิ่มมากขึ้น

จะเห็นได้ว่าในปีนี้ เนื่องจากคนยังไม่ค่อยกล้าลองท้าทายในประเภทอาหารใหม่ๆ เพราะว่าตลาดยังไม่ค่อยคึกคักตามเป้าหมาย ดังนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นและเป็นไปได้คือ การทำการตลาดที่เน้นในการทำโปรโมชันลดราคา เพราะฉะนั้นปีนี้จะเป็นปีของผู้บริโภคที่นิยมใช้บริการร้านอาหารที่จะได้ดีลดีๆ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์

จุดแข็งที่ควรพัฒนาของตลาดอาหารและบุฟเฟต์ในปัจจุบันและในอนาคตเพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคได้อย่างตรงใจ

ผมมองว่าจุดแข็งที่ควรพัฒนาของตลาดอาหารและบุฟเฟต์ ที่ผู้บริโภคคุ้นเคยกับสิ่งนี้อยู่แล้วในปีนี้ที่ทำได้ เช่น เราอาจต้องมาดูเรื่องของการจัดจานมากกว่าการคัดเลือกวัตถุดิบ เพราะการกินบุฟเฟต์ แน่นอนว่าอาจจะถ่ายรูปไม่สวยเท่าหากเทียบกับอาหารประเภทอื่น จะทำอย่างไรให้บุฟเฟต์ถ่ายรูปออกมาสวย ลงอินสตาแกรมให้ดูดีได้ เพราะฉะนั้นหลายร้านบุฟเฟต์ก็เริ่มเน้นจัดจานแบบร้านมิชลิน แบบไฟน์ไดนิง เพิ่มความดึงดูดใจเพื่อให้ตอบโจทย์ผู้บริโภคตรงนี้ ในขณะที่ร้านกินดื่มทั่วไปอาจต้องเน้นเรื่องบรรยากาศและเพิ่มจุดขายเรื่องการถ่ายรูปเช่นกัน มากกว่าแค่การเสิร์ฟอาหารในจานขาวทั่วไป

ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะเพิ่มเติมอื่นๆ ในการพัฒนาตลาดร้านอาหารกินดื่มเพื่อความเพลิดเพลินในประเทศไทย

ผมอาจจะขอเสริมมุมมองการพัฒนาตลาดร้านอาหารในประเทศไทยที่ว่า อยากให้มองว่าร้านอาหารไม่จำเป็นต้องเข้าถึงตลาดที่เป็นคนในประเทศเท่านั้น แต่อยากให้มุ่งที่จะมองว่าจะทำอย่างไรให้เข้าถึงตลาดต่างชาติได้ ซึ่งผมพูดได้เลยว่ามีเพียงน้อยกว่า 5% ของร้านอาหารที่เข้าถึงตลาดต่างชาติได้สำเร็จ ส่วนอีก 95% ที่เหลือ เนื่องมาจากผู้ประกอบการหลายธุรกิจยังไม่กล้าลอง

มองว่าแพงไป มองว่าเรายังไม่เข้าใจภาษาเขามากเพียงพอ ซึ่งเวลานี้อย่าลืมว่าเรามีหลายเครื่องมือ หลายปัจจัย รวมถึง AI ที่จะเข้ามาช่วยทำการตลาด ช่วยให้เกิดการต่อยอด เช่น สามารถแปลภาษาของนักท่องเที่ยวต่างประเทศ หรือชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยได้ หรือทำสื่อโฆษณาให้เข้าถึงเป้าหมายมากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งเรา Hungry Hub เองก็ถือเป็นหนึ่งเครื่องมือทางเลือก และเราอยากให้ผู้ประกอบการได้ลองใช้เครื่องมือต่างๆ มากขึ้นเพื่อโอกาสทางธุรกิจของคุณเอง

จริงๆ แล้ว Hungry Hub ก่อนหน้านี้เราเริ่มต้นจากตลาดที่เป็นคนไทยเกือบ 100% ครับ แต่ในช่วงที่ผ่านมาเราเห็นว่าตลาดในประเทศไทยค่อนข้างที่จะนิ่ง เราจึงพยายามเข้าถึงตลาดชาวต่างชาติที่ปัจจุบันเราทำได้เป็นสัดส่วน 40% ของยอดขายภายในปีเดียว เพราะฉะนั้นถ้าเราทำได้ ผมว่าร้านอาหารทั่วไปก็สามารถทำได้เหมือนกัน

การร่วมมือของ Hungry Hub ในแคมเปญ Fresh Your Feel, Heal Your Soul “ทริปฮีลใจเติมไฟให้ชีวิต” ในกิจกรรม Fresh Your Feel, Heal Your Soul “ทริปฮีลใจ เติมไฟให้ชีวิต”แคมเปญนี้ เรามองว่า Hungry Hub ของเราเกี่ยวข้องและเข้าถึง Segment ในเรื่องของนักท่องเที่ยวที่เพลิดเพลินกับการกินดื่ม ในส่วนของแนวคิด “สุขสำราญ” (Indulgent Bliss) ความอร่อยแบบสะดวกและคุ้มค่ายิ่งขึ้นครับ อีกหนึ่งรูปแบบของการใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ ซึ่งเรื่องกินหรืออาหารเป็นเรื่องใหญ่อยู่แล้ว ไม่ใช่แค่ในกลุ่มคนไทยแต่รวมถึงในตลาดทั่วโลก และเช่นเดียวกันสำหรับตลาดการท่องเที่ยว เพราะจากมุมมองทั้งส่วนตัวและในฐานะภาคธุรกิจ ยุคนี้นักท่องเที่ยวไม่น้อยเริ่มที่จะจองร้านอาหาร ก่อนจองโรงแรม หรือตั๋วเครื่องบิน นับได้ว่าเรื่องกินเป็นปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งที่ทำให้คนเลือกที่จะเดินทาง หรือเลือกเวลาที่จะเดินทางมาในพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่ง

เพราะฉะนั้นเราได้พยายามที่จะทำให้เกิดความสะดวกสบายมากขึ้น อย่างในการจอง ไม่ว่าจะชาติไหนก็สามารถจองได้ในภาษาของได้เขาเลย ในอัตราแลกเปลี่ยนของเขาเลย เพื่อให้เข้าถึงตลาดไทยและร้านอาหารไทยได้ง่ายมากขึ้นระหว่างการเดินทาง

ชวนคนไทย “สุขสำราญ” อร่อยแบบสะดวกและคุ้มค่าและแนะนำผู้ประกอบการหรือร้านค้าใหม่มาใช้บริการในมุมของบริโภคหลายๆ คนอาจคิดว่า Hungry Hub เป็นแอปพลิเคชันส่วนลด แต่หากเป็นผู้ที่ใช้แพลตฟอร์มเราบ่อยๆ จะพบว่าเราเป็นแอปพลิเคชันและแพลตฟอร์มที่ทำให้ลูกค้าเข้าถึงร้านใหม่ๆ โดยที่ไม่ต้องกังวลในเรื่องของงบในแต่ละมื้ออาหาร เพราะว่าทุกอย่างใน Hungry Hub เราคำนวณมารวมไว้ให้หมดเรียบร้อยแล้ว ไม่ว่าจะเป็นราคาอาหาร เครื่องดื่ม Vat บริการ ทำให้ลูกค้ากล้าที่จะเดินเข้าไป ไม่ว่าจะเป็นร้านไฟน์ไดนิ่งและร้านชื่อดังต่างๆ ในราคาที่เห็นครบก่อนเดินทางไป

ในส่วนของผู้ประกอบการ อยากจะขอเชิญผู้ประกอบการที่ยังไม่ได้เข้าร่วม อยากให้มอง Hungry Hub เป็นช่องทางการตลาดเสริมที่จะมาช่วยทำให้คุณเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ โดยไม่ต้องเสียเพิ่มเรื่องค่าใช้จ่าย โดยเราเป็นเหมือนพาร์ทเนอร์ที่มาช่วยสร้างรายได้ โดยที่ไม่ได้เน้นส่วนลดเป็นกลยุทธ์หลัก แต่เป็นการเข้าถึงลูกค้าใหม่ เพิ่มการใช้จ่ายในรูปแบบใหม่ๆ ให้ผู้ประกอบการ