คุมตัวสอบปากคำเข้ม “ตูน ปชน.3 – เดียร์ลาย” ยิงตำรวจล่อซื้อบุหรี่ไฟฟ้าเจ็บ 2 เจ้าตัวอ้างคิดว่าเป็นอริเก่า ไม่ได้คิดจะยิงตำรวจ
จากกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.ปากคลองรังสิต ล่อซื้อบุหรี่ไฟฟ้าจากคนร้าย บริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อ ย่านแฟลตรังสิตซิตี้ ก่อนที่คนร้ายไหวตัวทันแล้วใช้อาวุธปืนยิงใส่ ส.ต.อ ได้รับบาดเจ็บ 1 นายและ ตำรวจอาสาได้รับบาดเจ็บ 1 นาย โดยที่เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนที่เข้าไปร่วมล่อซื้อ อีก 4 คน ได้ขับรถกระบะมา ยิงใส่รถคนร้าย แต่คนร้ายก็ยังหลบหนีไปได้ จนเจ้าหน้าที่ตรวจสอบจนพบว่า คนร้ายทั้งสองคนคืน นายนภนต์ธรณ์ หรือ ตูน อายุ 35 ปี และนายสรศักดิ์ ฉายาเดียร์ลาย อายุ 39 ปี ซึ่งทั้งคู่เคยมีประวัติเกี่ยวข้องกับยาเสพติดและอาวุธปืน
คืบหน้าวันที่ 30 มิ.ย. 2568 ศาลจังหวัดปทุมธานี ได้พิจารณาออกหมายจับ นายนภนต์ธรณ์ หรือ ตูน มือปืนยิงตำรวจ ในข้อหา ร่วมกันพยายามฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่, ร่วมกันพยายามฆ่าผู้ช่วยเหลือในการที่เจ้าพนักงานนั้นกระทำการตามหน้าที่, ร่วมกันต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงานหรือผู้ซึ่งต้องช่วยเจ้าพนักงานตามกฎหมายในการปฏิบัติการตามหน้าที่โดยมีหรือใช้อาวุธปืน, มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, พกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันสมควร และ ยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุในเมือง หมู่บ้านหรือที่ชุมนุมชน
ส่วน นายสรศักดิ์ ในข้อหา ร่วมกันพยายามฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่, ร่วมกันพยายามฆ่าผู้ช่วยเหลือในการที่เจ้าพนักงานนั้นกระทำการตามหน้าที่, ร่วมกันต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงานหรือผู้ซึ่งต้องช่วยเจ้าพนักงานตามกฎหมายในการปฏิบัติการตามหน้าที่โดยมีหรือใช้อาวุธปืน, มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, พกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันสมควร และ ยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุในเมือง หมู่บ้านหรือที่ชุมนุมชน
ล่าสุดเวลา 15.00 น.
ขณะเดียวกัน พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผบช.ภ.1 พร้อมด้วย พล.ต.ต. ยุทธนา จอนขุน ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี เดินทางมาที่ห้องสืบสวน สภ.ปากคลองรังสิต เพื่อเร่งสอบปากคำผู้ต้องหาด้วยตนเอง โดยเมื่อรถยนต์ของชุดปฏิบัติการพิเศษภ.จว.ปทุมธานี เดินทางมาถึงได้นำตัว นายนภนต์ธรณ์ หรือตูน ปชน.3 และ 2.นายสรศักดิ์ เข้าห้องสืบสวนเพื่อสอบปากคำ
โดยระหว่างควบคุมตัว นายนภนต์ธรณ์ หรือตูน ปชน.3 บอกว่า ตนเองไม่คิดว่าจะยิงตำรวจเพราะคิดว่าเป็นอริเก่า จึงใช้อาวุธปืนยิงใส่ก่อนหลบหนีไปเพราะคิดว่าบุคคลนั้นเป็นอริเก่า ก่อนนำตัวเข้าไปในห้องสืบสวนและอยู่ระหว่างสอบปากคำ
ด้าน พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผบช.ภ.1 เปิดเผยว่า คดีนี้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนของ สภ.ปากคลองรังสิต ได้สืบสวนหาข่าวจนได้ข้อมูลติดต่อซื้อขายกับพรรคพวกของ นายตูน ปชน3 ก่อนที่นายตูน และ นายเดีย ลาย จะทำหน้าที่มาส่งมอบบุหรี่ไฟฟ้า โดยนายตูน อ้างว่าเป็นคนขับรถ แต่ระหว่างส่งของ ตำรวจได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ ทำให้เกิดการฉุดกระชากกันตั้งแต่ในรถ ซึ่งนายเดีย มีอาวุธปืนเตรียมไว้ที่เก๊ะหน้ารถอยู่แล้วในลักษณะพร้อมยิง นายเดียจึงได้ยิงเปิดใส่เจ้าหน้าที่ก่อน ก่อนที่จะเกิดการต่อสู้กัน โดยนายเดียถูกกระสุนยิงสวนเข้าที่หลัง ซึ่งจากการตรวจรถยนต์ของกลาง ก็พบรอยกระสุน 20 กว่านัด ส่วนใหญ่ยิงออกมาจากด้านในรถ
หลังก่อเหตุผู้ต้องหาพยายามขับรถหลบหนีขึ้นทางด่วน แต่เพราะยางรถถูกเจ้าหน้าที่ยิงแบน ทำให้รถไปต่อไม่ได้ ผู้ต้องหาจึงขับรถลงจากทางด่วนและนำไปจอดทิ้งไว้ที่อู่ซ่อมรถย่านสรงประภา ดอนเมือง ก่อนจะขึ้นรถแท็กซี่หลบหนีไป โดยได้ตระเวนไปตามบ้านญาติพี่น้อง พรรคพวก และทำแผลที่ถูกยิงเอง จนกระทั่งมาทราบภายหลังว่าคนที่ถูกตนเองยิงเป็นตำรวจ จึงคิดว่าไปไม่รอดแน่ เพราะถูกตำรวจกดดันอย่างหนัก จึงได้ติดต่อคนใกล้ชิดให้ช่วยประสานพามอบตัว
ส่วนที่ตำรวจแสดงตัวแล้ว แต่ผู้ต้องหาอ้างว่าไม่รู้ว่าเป็นตำรวจนั้น เจ้าตัวอ้างว่าส่วนหนึ่งมาจากความหวาดระแวงเรื่องราวในอดีตหลายเรื่อง ที่มีศัตรูรอบตัว กลัวคู่อริอาจจะหลอกล่อให้มาส่งบุหรี่ไฟฟ้าเพื่อมาทำร้าย แต่ตำรวจก็ยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การ และอยู่ระหว่างรอสอบปากคำตำรวจที่ถูกยิง ว่าสรุปแล้วนายเดีย ลาย เป็นคนยิง และนายตูน แชน3 เป็นคนขับตามคำกล่าวอ้างจริงหรือไม่ รวมถึงตำรวจจะขยายผลไปยังเรื่องผิดกฎหมายอื่นๆ ด้วย เพราะผู้ต้องหาก็เคยมีประวัติก่อคดีอาชญากรรมใหญ่ๆ หลายคดี ทั้งคดียาเสพติด และคดีอาวุธปืน
ส่วนอาวุธปืน เบื้องต้นก็ไม่ใช่อาวุธปืนที่ถูกต้องตามกฎหมาย มีการยิงในระยะที่หวังผลได้ เข้าข่ายความผิดพยายามฆ่าเจ้าพนักงานและพยายามฆ่าผู้ช่วยเจ้าพนักงานที่ปฏิบัติตามหน้าที่ ส่วนข้อหาเกี่ยวกับ พ.ร.บ.อาวุธปืน และคดีบุหรี่ไฟฟ้า จะมีการแจ้งข้อหาเพิ่มเติมภายหลัง ส่วนเจ้าหน้าที่ 2 คนที่ได้รับบาดเจ็บ ขณะนี้ปลอดภัยทั้งคู่ โดยยังพักรักษาตัวอยู่โรงพยาบาล
ขณะมอบตัวรองผกก.สส.สภ.ปากคลองรังสิต ได้อ่านหมายจับให้รับทราบก่อนนำตัวมาสภ.ฯ
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
