ย้อนเหตุการณ์ปะทะรุนแรงระหว่างไทย-กัมพูชาในปี 2554 ทั้งสมรภูมิเขาพระวิหารและปราสาทตาควาย-ตาเมือนธม ซึ่งนำไปสู่การสูญเสีย และการยื่นเรื่องต่อศาลโลก

ท่ามกลางสถานการณ์ความตึงเครียดตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน อาจทำให้หลายคนหวนนึกถึงเหตุการณ์การปะทะกันด้วยกำลังทหารครั้งรุนแรงที่สุดในรอบหลายสิบปี ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2554 เหตุการณ์ในครั้งนั้นไม่ได้เป็นเพียงการกระทบกระทั่งกันเล็กน้อย แต่เป็นการสู้รบที่กินเวลายาวนานหลายเดือน ครอบคลุมพื้นที่ชายแดนหลายจังหวัด และนำไปสู่การสูญเสียชีวิตของทหารและพลเรือนทั้งสองฝ่าย ก่อนที่สมรภูมิร้อนจะนำไปสู่การต่อสู้ในเวทีการทูต และกฎหมายระหว่างประเทศในท้ายที่สุด

สมรภูมิเขาพระวิหาร ระลอกแรก

ชนวนเหตุความขัดแย้งรอบใหม่ปะทุขึ้นอย่างรุนแรงในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2554 บริเวณพื้นที่พิพาทใกล้ปราสาทพระวิหาร จ.ศรีสะเกษ การปะทะกันนานหลายชั่วโมงส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บทั้งสองฝ่าย สถานการณ์ลุกลามอย่างรวดเร็ว ในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ มีรายงานข่าวจากสื่อต่างประเทศว่าฝ่ายไทยได้ใช้ปืนใหญ่ยิงตอบโต้เข้าไปในฝั่งกัมพูชาอย่างหนักหน่วง สร้างความเสียหายให้กับฐานทหาร และยุทโธปกรณ์ของกัมพูชาเป็นวงกว้าง


เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ทางการไทยต้องประกาศให้หลายหมู่บ้านใน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ เป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติ และมีการอพยพประชาชนออกจากพื้นที่เพื่อความปลอดภัย ขณะที่ในเวทีการทูต รัฐบาลกัมพูชาได้พยายามเรียกร้องให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) เข้ามาแทรกแซง แต่ถูกปฏิเสธ โดย UNSC แนะนำให้ทั้งสองฝ่ายแก้ไขปัญหากันในระดับภูมิภาค แม้จะมีการเจรจาหยุดยิงในระดับพื้นที่ แต่การปะทะก็ยังคงเกิดขึ้นเป็นระยะ ๆ

 

สมรภูมิปราสาทตาควาย-ตาเมือนธม ระลอกสอง

หลังจากสถานการณ์บริเวณเขาพระวิหารเริ่มสงบลง สมรภูมิรบได้ย้ายมาปะทุขึ้นอีกครั้งอย่างรุนแรงในวันที่ 22 เมษายน 2554 แต่คราวนี้เป็นพื้นที่ชายแดน จ.สุรินทร์ และ จ.บุรีรัมย์ บริเวณกลุ่มปราสาทตาควายและปราสาทตาเมือนธม การสู้รบในระลอกนี้มีความรุนแรงและต่อเนื่องยาวนานกว่า 10 วัน ส่งผลให้ทหารไทยเสียชีวิตและบาดเจ็บหลายสิบนาย และต้องมีการอพยพประชาชนหลายพันคนใน อ.พนมดงรัก กาบเชิง ปราสาท ของ จ.สุรินทร์ และ อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ซึ่งถูกประกาศ เป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติภาวะสงคราม

ท่าทีของฝ่ายไทยในขณะนั้นแข็งกร้าวอย่างยิ่ง พลเอก ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุดในขณะนั้น ได้แถลงว่าหากชาติไทยถูกลุกล้ำก็พร้อมที่จะใช้กำลังตอบโต้จนถึงที่สุด ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศได้ส่งหนังสือประท้วงอย่างรุนแรงและประกาศทบทวนนโยบายต่างประเทศกับกัมพูชาทั้งหมด

การใช้ ระเบิดลูกปราย และการยื่นฟ้องศาลโลก

ในระหว่างการสู้รบนั้น ได้เกิดประเด็นที่น่าสนใจในระดับนานาชาติขึ้น 2 ประการ คือการที่ทางการไทยออกมายอมรับว่าได้มีการใช้ กระสุนระเบิดทวิประสงค์ (DPICM) ซึ่งถือเป็น “ระเบิดลูกปราย” ประเภทหนึ่ง และอีกประเด็นที่สำคัญที่สุดคือ ในวันที่ 28 เมษายน 2554 ประเทศกัมพูชาได้ตัดสินใจยื่นคำร้องต่อ ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ศาลโลก) เพื่อขอให้ศาลฯ ตีความคำพิพากษาคดีปราสาทพระวิหารปี 2505 และขอให้ศาลฯออกมาตรการคุ้มครองชั่วคราวโดยเร่งด่วน


การปะทะกันด้วยอาวุธได้ยุติลงในช่วงต้นเดือนพฤษภาคม 2554 แต่ความขัดแย้งไม่ได้จบสิ้นลง การยื่นเรื่องต่อศาลโลกของกัมพูชาได้เปลี่ยนรูปแบบของความขัดแย้งจาก “สมรภูมิร้อน” ที่ใช้กำลังทหารเข้าห้ำหั่นกัน มาสู่ “สมรภูมิทางกฎหมาย” ที่ต่อสู้กันด้วยหลักฐานและกระบวนการทางการทูตในเวทีระหว่างประเทศ ซึ่งผลพวงจากคำตัดสินของศาลโลกในเวลาต่อมา ยังคงเป็นมรดกที่ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์และสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชามาจนถึงทุกวันนี้


ข่าวล่าสุด

อ่านต่อ
ย้อนคลิป “หมอบี” ดึงสติคนไทย ให้ตาสว่าง “ดีไม่ดีมันขึ้นอยู่กับตัวเรา”
Thethaiger
หัวใจนายจ้างไทย! ช่วยลูกจ้างกัมพูชาซื้อยา หวั่นกลับบ้านขาดการรักษา เศร้า อาจไม่ได้กลับมาอีก
Thethaiger
นักธุรกิจเขมร จ่อยุติสัญญา ปตท.เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น “ปั๊มสันติภาพ”
Thethaiger
ด่วน! รวบ “ไฮโซลูกนัท” ยึดปืน 20 กระบอก กระสุนอีกพันนัด
Thethaiger
ส่องอาณาจักรธุรกิจ “หมอบี ทูตสื่อวิญญาณ” ที่ไม่ได้มีดีแค่การดูดวง
Thethaiger
“สยามรัฐ” สู่ก้าวใหม่แห่งยุคดิจิทัล
Siamrath
อากาศร้อนจัด โมเดลอาหารหน้าร้านในญี่ปุ่นละลาย คนแซวของปลอมยังไม่ทน
Thethaiger
รวบตัวจ่าสิบเอก บุกยิงทหารกลางฐานทัพสหรัฐฯ บาดเจ็บ 5 นาย
Thethaiger
เปิดหัวใจเจรจา 5 ข้อ ก่อนประชุม GBC ไทย-กัมพูชา บ่ายวันนี้
Thethaiger
เพจดัง ชี้ข่าว “ทหารกัมพูชา” ป่วยมาลาเรีย ถ้าไม่รักษาตายเป็นเบือ
Thethaiger