แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ แนะสังเกต “เล็บ” ตัวเองให้ดี หากเกิดการเปลี่ยนแปลงแปลก ๆ อาจเจอสัญญาณเตือนป่วย “มะเร็งปอดระยะลุกลาม”
เล็บ คือองค์ประกอบหนึ่งของร่างกายที่สามารถบ่งบอกสุขภาพภายใน โดยสังเกตได้จาก สี รูปร่าง หรือพื้นผิว หากเปลี่ยนไป อาจสะท้อนได้ถึงปัญหาสุขภาพที่ซ่อนอยู่
ดร.ดาวูด โจฮารี แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคปอดและเวชบำบัดวิกฤต ประจำโรงพยาบาล NYC Health + Hospitals/Kings County เตือนว่าการเปลี่ยนแปลงของเล็บแบบหนึ่งอาจเป็นสัญญาณของโรคมะเร็งปอด ซึ่งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตจากมะเร็งอันดับหนึ่งของโลก
ประมาณ 5% ถึง 15% ของผู้ป่วยมะเร็งปอดพบอาการที่เรียกว่า “เล็บปุ้ม” (clubbing) ซึ่งปลายนิ้วจะดูกว้างและกลมกว่าปกติ โดยเล็บจะโค้งลงคล้ายช้อนคว่ำ บริเวณใต้เล็บ (nail bed) จะรู้สึกนุ่มและยืดหยุ่นมากขึ้น ปลายนิ้วอาจมีสีแดงหรือรู้สึกอุ่นกว่าปกติ
นักวิทยาศาสตร์ยังไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าเหตุใดมะเร็งปอดจึงทำให้เกิดอาการเล็บปุ้ม แต่คาดว่าเนื้องอกในปอดอาจหลั่งสารคล้ายฮอร์โมนที่ทำให้หลอดเลือดบริเวณนิ้วขยายตัว ส่งผลให้เลือดไหลเวียนมายังปลายนิ้วมากขึ้น
การไหลเวียนของเลือดที่เพิ่มขึ้นนี้ อาจทำให้มีของเหลวสะสมใต้ฐานเล็บ จนเกิดลักษณะเล็บปุ้มขึ้นมาอาการเล็บปุ้ม ซึ่งมักไม่เจ็บปวด อาจเป็นสัญญาณที่ดูเล็กน้อยแต่สำคัญของมะเร็งปอด และยังมีอาการอื่นที่ควรสังเกตเช่นกัน
อาการเล็บปุ้ม ซึ่งมักเกิดในระยะท้ายของมะเร็งปอด ยังอาจบ่งบอกถึงปัญหาสุขภาพอื่นๆ ได้อีกด้วยอาทิ การติดเชื้อเรื้อรังในปอด โรคปอดอักเสบแบบอินเตอร์สเตเชียล โรคซิสติกไฟโบรซิส และหลอดลมโป่งพอง
นอกจากนี้ ดร.โจฮารี ยังแนะนำว่า หากมีอาการไอเรื้อรังนานเกินสองสามสัปดาห์ เสียงแหบ หรือมีการเปลี่ยนแปลงของเสียงโดยไม่ทราบสาเหตุ น้ำหนักลดโดยไม่ตั้งใจ เหนื่อยล้าโดยไม่ทราบสาเหตุ ปวดไหล่ข้างเดียวโดยเฉพาะขณะพักหรือตอนกลางคืน มีปัญหาการมองเห็น หรือหนังตาตก ควรไปพบแพทย์ทันที
ที่มา: nypost
อาการเล็บปุ้ม ซึ่งมักเกิดในระยะท้ายของมะเร็งปอด ยังอาจบ่งบอกถึงปัญหาสุขภาพอื่นๆ ได้อีกด้วยอาทิ การติดเชื้อเรื้อรังในปอด โรคปอดอักเสบแบบอินเตอร์สเตเชียล โรคซิสติกไฟโบรซิส และหลอดลมโป่งพองนอกจากนี้ ดร.โจฮารี ยังแนะนำว่า หากมีอาการไอเรื้อรังนานเกินสองสามสัปดาห์ เสียงแหบ หรือมีการเปลี่ยนแปลงของเสียงโดยไม่ทราบสาเหตุ น้ำหนักลดโดยไม่ตั้งใจ เหนื่อยล้าโดยไม่ทราบสาเหตุ ปวดไหล่ข้างเดียวโดยเฉพาะขณะพักหรือตอนกลางคืน มีปัญหาการมองเห็น หรือหนังตาตก ควรไปพบแพทย์ทันที
ที่มา: nypost