วันที่ 22 มีนาคม 68 ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า จากกรณีมีการพบศพของนางสาวปิยะวรรณ อายุ 22 ปี หรือแอน  หมู่ 1 ต.บางระกำ อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม ถูกฆ่าแล้วหั่นศพฝังดินไว้หลังบ้านที่นางสาวภัทราภรณ์  อายุ 21 ปี หรือมิ้ลค์ ภายในบ้าน หมู่ 5 ต. ดอนรวก อ. ดอนตูม จ.นครปฐม พักอาศัยอยู่กับ นายณรงค์ชัย หรือ เลย์  อายุ 26 ปี สามี อยู่บ้าน หมู่ 3 ต.มาบแค อ.เมืองนครปฐม  หลังจากญาติได้มีการแจ้งความคนหายไว้เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 68



โดยมีเบาะแสว่าจะมาทวงหนี้ที่บ้านของนางสาวปิยะวรรณ หรือแอน โดยเชื่อว่าถูกหลอกให้โอนเงินเป็นค่าฝากเข้าทำงานที่โรงพยาบาลนครปฐม หลายครั้งแต่ไม่สามารถฝากเข้างานได้ และหายตัวไปก่อนจะมาพบเป็นศพในวันนี้ โดยทั้งนางสาวปิยะวรรณและนายณรงค์ชัย ได้ถูกจับกุมตัวหลังจากหนีไปกบดานที่จังหวัดเชียงใหม่ในวันนี้ โดยสารภาพว่ามีการฆ่าหันศพฝังดินและมีการนำชิ้นส่วนต่างๆ ไปโยนทิ้งที่คลองชลประทาน ในพื้นที่ เชื่อมต่อระหว่างอำเภอเมืองนครปฐมและอำเภอดอนตูมห่างจากบ้านที่พบอวัยวะส่วนแรกประมาณ 300 เมตร 





ทั้งนี้เมื่อชาวบ้านได้ทราบข่าวได้มีการรวมตัวมา ที่บริเวณคลองชลประทานในพื้นที่ตำบลทุ่งน้อยอำเภอเมืองนครปฐม ซึ่งมีเจ้าหน้าที่มูลนิธิสุขศาลานุเคราะห์นครปฐม ได้นำนักประดาน้ำลงทำการดำน้ำเพื่อค้นหาอวัยวะที่ทั้งสองคนได้สารภาพว่ามีการนำมาโยนทิ้งเพื่ออำพรางและติดตามจาก GPS ของโทรศัพท์จากผู้ต้องหาที่มีการวิ่งไปยังถนนเส้นต่างๆ โดยเป็นคดีที่ประชาชนให้ความสนใจและพูดถึงโดยเฉพาะผู้ต้องหาฝ่ายหญิงซึ่งมีพฤติกรรมเกี่ยวกับความไม่โปร่งใสในเรื่องการใช้เงินและลักทรัพย์รวมถึงการหลอกลวงเงินจากชาวบ้านและญาติของตัวเอง โดยตั้งแต่ช่วงบ่ายกระทั่งถึงช่วงพระอาทิตย์ตกดินเจ้าหน้าที่ได้ดำน้ำค้นหาอวัยวะจากคลองชลประทานและบริเวณในจุดต่างๆระยะทางรวมกว่า 3 กิโลเมตรซึ่งตลอดทั้งวันก็ยังไม่พบอวัยวะอื่นหรือสิ่งผิดปกติตามที่ได้ข้อมูลมาจากเจ้าหน้าที่ตำรวจและได้มีการยุติการค้นหาในช่วงหัวค่ำ 





ซึ่งจากการสอบถาม นางสาวแวว (นามสมมติ) อายุ 25 ปี บอกว่าตนเองเป็นเครือญาติของนางสาวปิยะวรรณ หรือแอน ซึ่งทราบเหตุการณ์ดังกล่าวมาว่าทั้งสองคนได้มาอาศัยอยู่ที่บ้านซึ่งเป็นบ้านพ่อและเป็นจุดที่พบอวัยวะแห่งแรกส่วนผู้เสียชีวิตเป็นคนในพื้นที่อำเภอนครชัยศรีโดยได้ติดตามมาทวงเงินจากการที่ทั้งคู่ได้ไปหลอกว่าสามารถนำเข้ามาทำงานที่โรงพยาบาลนครปฐมได้ และมีการโอนเงินให้หลายครั้งกระทั่งผู้เสียชีวิตได้ตามมาทวงเงินที่บ้านและหายตัวไป และมาพบศพในวันนี้โดยชาวบ้านหลายคนก็รับไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้น สำหรับตัวเองทราบข้อมูลจากทางญาติว่านางสาวปิยวรรณหรือแอน มีพฤติกรรมที่สุดแสบหลายอย่างเช่นการลักเล็กขโมยน้อยบ่อยครั้ง โดยมีการรับของที่โรงพยาบาลนครปฐมในช่วงที่เป็นลูกจ้าง การลักไก่ของชาวบ้าน และมีอีกหลายเรื่องซึ่งแต่ละเรื่องก็ได้มีการตกลงยอมความกันและเป็นคดีความอะไรแต่ในคดีนี้ถือว่าเป็นคดีที่อุกฉกรรจ์ที่สุด เท่าที่เคย



"ขนาดย่าของเค้าเองก็ยังเพิ่งโดนหลอก ให้ไปเอาเงิน 10,000 บาทที่ได้จากรัฐบาลโดยหลอกว่าไปทำถังสีของแฟนหกเสียหายและปลอมเฟสไปเป็นคนอื่นบอกญาติให้ไปรับเงินที่บ้านโดยมีการปิดไฟไม่ให้เห็นว่าใครเป็นคนรับ เนื่องจากหากคนในบ้านรู้ก็จะไม่มีทางให้เงินแน่นอน ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้เป็นที่ละอาและเป็นที่รู้ กันของชาวบ้านถึงความแสบของฝ่ายหญิงและสามี ซึ่งตอนนี้เรื่องดังกล่าวก็เป็นเรื่องที่โด่งดังมากในพื้นที่โดยหลายคนบอกว่ารับไม่ได้เช่นกันกับความโหดเหี้ยมของคนทั้งคู่" นางสาวแวว (นามสมมติ) กล่าว 





ขณะที่ นายวินัย (นามสมมติ) พ่อของนางสาวปิยะวรรณ หรือแอน บอกว่าเพิ่งจะทราบเรื่องก็เมื่อตอนที่ตำรวจมาที่บ้านและมารับตัวทั้งคู่ไปสอบปากคำมาครั้งหนึ่งแล้วนำกลับมาส่ง จากนั้นก็มีการมารับไปอีก ก่อนที่ทั้งลูกสาวและแฟนของเขาจะออกจากบ้านไปและมีตำรวจกลับมาที่บ้านโดยมีการไปขุดจนพบศพซึ่งตนเองก็ไม่ทราบมาว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ซึ่งในทางคดีก็ต้องยอมรับว่าใครก่ออะไรไว้ก็ต้องรับสิ่งที่ได้ทำ ไปตามกระบวนการกฎหมาย และที่ผ่านมาตนเองไม่เคยทราบพฤติกรรมเพราะว่าคนทั้งคู่จะไปอยู่ที่บ้านด้านหลังจะเข้าออกหรือจะมีการทำอะไรก็ไม่เคยมาปรึกษาเขาใช้ชีวิตส่วนตัวของเขาเวลาจะออกจากบ้านก็จะใช้ผ้าสแลนปิดทางเข้าออกซึ่งตนเองก็นอนอยู่ที่บ้านอีกหลังไม่ทราบมาก่อนว่า จะไปคบใครหรือจะไปหาใครตอนไหน ส่วนผู้ตายก็เพิ่งเคยเห็นมาวันที่เขามาที่บ้านแล้วก็ไม่เห็นอีกเลย ตอนนี้มีความเครียดเพราะกลัวชาวบ้านจะไม่เข้าใจหาว่าเราเป็นคนไม่ดี เรื่องนี้ก็ต้องบอกว่าเราเลี้ยงเขาได้แต่ตัวแต่ไม่สามารถเข้าไปถึงความคิดของเขาได้ 



"ตอนนี้ก็อยากจะขอโทษกับญาติของผู้สูญเสีย เพราะเราก็ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น ตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าจะทำใจอย่างไรเพราะว่าเรื่องมันเกิดขึ้นแล้วแล้วก็ยังงงอยู่ว่าทำไมถึงเป็นเรื่องใหญ่ได้ขนาดนี้ ส่วนตัวคิดว่าคนก่อเหตุก็ต้องติดคุกไปตามที่เค้าทำแต่คนที่จะลำบากก็คือคนที่ต้องอยู่ในชุมชนนี้อยากจะย้ายบ้านหนีออกไปให้พ้นซะที" นายวินัย กล่าว 





ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดช่วงบ่ายที่มีการออกติดตามหาอวัยวะส่วนอื่นของผู้ตายได้มีชาวบ้านจับกลุ่มคุยกันถึงคดีโหดเยี่ยมดังกล่าวว่าไม่น่าจะเกิดขึ้นในพื้นที่ได้และไม่คิดว่าทั้งคู่จะกล้าลงมือและก่อเหตุสะเทือนขวัญในชุมชนโดยประเด็นส่วนใหญ่ได้มีการพูดถึงใช้เงินเกินตัวและมีคดีหลายครั้งของฝ่ายหญิงซึ่งก็จะต้องรอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวกลับมาสอบสวนที่สถานีตำรวจภูธรดอนตูมอีกครั้งถึงสาเหตุและ กระบวนการในการสังหารรวมถึงวิธีการในการแยกชิ้นส่วนของศพว่าสุดท้ายแล้วทั้งคู่มีการตัดสินใจก่อเหตุและลงมือในลักษณะใดกันแน่โดยเป็นคดีที่ประชาชนได้ให้ความสนใจเป็นพิเศษ

อ่านต่อ
ศรชล.ภาค 3 จับกุมเรือประมงอินโดนีเซียพร้อมลูกเรือ 5  คนรุกล้ำเข้ามาทำการประมงในน่านน้ำไทย
Siamrath
ตำรวจภูธรภาค 2 จุดประกายผู้นำยุคใหม่อัปสกิล  261 รอง ผบก. – ผกก. ปลุกพลังขับเคลื่อนด้วย AI
Siamrath
รวบคู่รักปล่อยเงินกู้ ดอกมหาโหดร้อยละ 760 ต่อปี ไม่จ่าย โพสต์ประจาน-ข่มขู่
Matichon
ตำรวจภูธรภาค 2 จุดประกาย ผู้นำยุคใหม่ อัพสกิล 261 รอง ผบก. – ผกก. ปลุกพลังขับเคลื่อนด้วย AI
Khaosod
เปิดเส้นทางรถแห่ ลิเวอร์พูล หากคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก ซีซั่นนี้
Khaosod
นอภ.บางใหญ่เอาจริง ยึดตู้คีบตุ๊กตาในตลาด เหตุมอมเมาเยาวชน
Matichon
สมนึก ผู้สมัครนายกเล็กนครนนท์ แจ้งตร.ถูกแอบอ้างสร้าง TikTok ตัดคลิปเต้นคู่ ลำไย มาล้อเลียน
Matichon
จับแล้ว! เขยคลั่งทะเลาะเมีย จุดไฟเผาบ้าน คลอกแม่ยายดับ ตร.คุมตัวทำแผนหวิดถูกทำร้าย
Matichon
โคราชอากาศร้อนจัด! สวนสัตว์หวั่นกระทบสัตว์ป่า เร่งพ่นน้ำคลายร้อน ลดความเครียด
Matichon
สลด สองหนุ่มออกไปตกปลา พลัดตกน้ำ จมดับต่อหน้าเพื่อน
Matichon